เมืองแท็ฟต์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย กำลังเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งในวาระที่สองพร้อมนโยบาย "ปลดปล่อยพลังงานอเมริกัน" ที่มุ่งเน้นการสนับสนุนเชื้อเพลิงฟอสซิลและลดข้อจำกัดในการผลิตพลังงานภายในประเทศ
เมืองเล็กๆ ที่มีประชากรเพียง 7,000 คนแห่งนี้ ตั้งอยู่ห่างจากลอสแอนเจลิสประมาณ 200 กิโลเมตรทางเหนือ ก่อตั้งขึ้นในปี 1910 บนแหล่งน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในแคลิฟอร์เนีย ปัจจุบันมณฑลเคิร์นซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองแท็ฟต์ผลิตน้ำมันมากกว่า 70% ของการผลิตทั้งหมดในรัฐ

เทศกาล Oildorado สะท้อนความหวัง
เทศกาล "Oildorado" ที่เมืองแท็ฟต์จัดขึ้นทุก 5 ปี ได้เปลี่ยนบรรยากาศจากการระลึกถึงอดีตกลายเป็นความหวังในการฟื้นฟู ในปีนี้ผู้เข้าร่วมงานหลายพันคนได้เห็นขบวนพาเหรดที่มีคาวบอยขี่ม้า รถโบราณ และขบวนเกี่ยวกับปั๊มน้ำมัน
Buddy Binkley อายุ 64 ปี อดีตหัวหน้างานบำรุงรักษาของบริษัทเชฟรอนสวมหมวกสีแดงที่เขียนว่า Make Oil Great Again กล่าวว่า "ผมพอใจ 100% กับประธานาธิบดีทรัมป์ และสำหรับรัฐแคลิฟอร์เนีย ผมคิดว่าเขากำลังสร้างแรงกดดันที่ดีเพื่อให้พวกเขาเปลี่ยนอคติต่ออุตสาหกรรมน้ำมัน"

นายกเทศมนตรีแสดงความคาดหวัง
Dave Noerr นายกเทศมนตรีเมืองแท็ฟต์ แสดงความหวังว่า "เรามีวัตถุดิบครบทุกอย่าง เราเคยไปผิดทาง แต่ตอนนี้เรามีผู้นำที่จะปลดปล่อยศักยภาพต่างๆ" เขายังแสดงความสงสัยต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเรียกร้องให้ "ตั้งคำถามกับเรื่องเล่าและปรับปรุงสิ่งเหล่านั้นด้วยวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่"
ความกังวลจากมุมมองสิ่งแวดล้อม
Paasha Mahdavi นักวิทยาศาสตร์การเมืองที่เชี่ยวชาญด้านนโยบายสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาบาร์บารา เตือนว่าหากทุกคนทั่วโลกประพฤติปฏิบัติเหมือนสหรัฐฯ โลกจะมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 4 องศาเซลเซียส ภายในปี 2100
เขาระบุว่าเกษตรกรรมยังคงเป็นนายจ้างใหญ่ที่สุดในมณฑลเคิร์น และจะได้รับผลกระทบอย่างมากจากความแห้งแล้งที่เพิ่มขึ้นและคลื่นความร้อนที่ไม่เคยมีมาก่อนซึ่งกำลังเข้าแสำครั้งภูมิภาคนี้
Taylor Pritchett นักตัดแต่งขนสุนัขอายุ 31 ปี แสดงความกังวลเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศในพื้นที่ เธอกล่าวว่า "หากจะมีลูก ไม่อยากเลี้ยงในมณฑลเคิร์น อยากไปที่ไหนที่สะอาดกว่า" แม้เธอเชื่อว่าต้องหลีกห่างจากเชื้อเพลิงฟอสซิล แต่ยอมรับว่าในแท็ฟต์ "เราติดอยู่กับอดีตนิดหน่อย ไม่ค่อยยินดีที่จะเปลี่ยนแปลง"




