EU เลื่อนภาษีคาร์บอนภาคอาคาร-ขนส่ง บททดสอบความเป็นธรรมยุคเปลี่ยนผ่านสู่ยุโรปสีเขียว

16 ธ.ค. 2568 - 03:10

  • EU เลื่อนการเก็บภาษีคาร์บอนจากอาคารและการขนส่งทางถนนออกไปอีก 1 ปี แรงเสียดทานเมื่อราคาคาร์บอนเริ่มกระทบชีวิตประจำวัน

  • การเลื่อน ETS2 สะท้อน “การเมืองของต้นทุน” มากกว่าความลังเลด้านสภาพภูมิอากาศ

  • งานวิจัยเตือน ETS2 อาจเพิ่มความเสี่ยง “ความยากจนด้านพลังงาน” หากขาดมาตรการคุ้มครองที่มีประสิทธิภาพ

EU เลื่อนภาษีคาร์บอนภาคอาคาร-ขนส่ง บททดสอบความเป็นธรรมยุคเปลี่ยนผ่านสู่ยุโรปสีเขียว

เมื่อความทะเยอทะยานด้านสภาพภูมิอากาศ ต้องประนีประนอมกับค่าครองชีพ

ท่ามกลางแรงกดดันจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ราคาพลังงานที่ผันผวน และความกังวลเรื่องค่าครองชีพของประชาชน ล่าสุด สหภาพยุโรป (EU) ตัดสินใจเลื่อนการบังคับใช้ “ภาษีคาร์บอนในภาคอาคารและการขนส่งทางถนน” ออกไปเป็นปี 2028 แม้รัฐสภายุโรปจะเพิ่งให้การสนับสนุนกฎหมายสภาพภูมิอากาศฉบับใหม่ ที่ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 90% ภายในปี 2040

การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนความท้าทายร่วมของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ในการเดินหน้าการเปลี่ยนผ่านสู่ “เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ” โดยต้องสร้างสมดุลระหว่างความเร่งด่วนด้านสิ่งแวดล้อมกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคม

เมื่อราคาคาร์บอนเข้าสู่ครัวเรือน

ETS2 คืออะไร?

ETS2 ย่อมาจาก Emissions Trading System 2 คือระบบซื้อขายสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหภาพยุโรปเวอร์ชันใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อขยายการกำหนดราคาคาร์บอนไปยังภาคเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของประชาชนโดยตรง โดยเฉพาะ “ภาคอาคาร” และ “การขนส่งทางถนน” ซึ่งก่อนหน้านี้ยังไม่อยู่ภายใต้ระบบ ETS หลัก

โดยหลักการ ETS2 ใช้กลไก “ตลาดคาร์บอน” กำหนดเพดานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบังคับให้ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องถือครองสิทธิการปล่อย (Carbon Allowances) ให้สอดคล้องกับปริมาณการปล่อยจริง หากปล่อยมากเกินกว่าที่ได้รับ ต้องซื้อสิทธิเพิ่มจากตลาด

ETS2 จึงเป็นการสร้างแรงจูงใจทางเศรษฐกิจให้ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ผ่านราคาคาร์บอนที่สะท้อนต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้การออกแบบใหม่ โดยผู้จำหน่ายเชื้อเพลิงจะเป็นผู้รับผิดชอบในการติดตามและรายงานการปล่อยก๊าซแทนการเก็บจากผู้ใช้ปลายทางโดยตรง อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมีแนวโน้มถูกส่งต่อมายังครัวเรือนและธุรกิจผ่านราคาพลังงานและค่าขนส่ง นี่คือจุดที่ ETS2 ถูกจับตามองมากที่สุด เพราะเป็นครั้งแรกที่ระบบตลาดคาร์บอนของยุโรปเชื่อมโยงโดยตรงกับค่าครองชีพของประชาชนจำนวนมาก

เหตุผลของการเลื่อน เสถียรภาพทางสังคมมาก่อนความเร็ว

การเลื่อนการบังคับใช้จากปี 2027 เป็น 2028 ถูกอธิบายโดยฝ่ายกำหนดนโยบายว่าเป็นการสร้างช่วงเปลี่ยนผ่านที่ “ค่อยเป็นค่อยไปและราบรื่น” เพื่อหลีกเลี่ยงแรงกดดันต่อครัวเรือนรายได้น้อย บริบทนี้ไม่อาจแยกออกจากประสบการณ์วิกฤตราคาพลังงานของยุโรปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ประเด็นค่าครองชีพกลายเป็นความเสี่ยงทางการเมืองโดยตรง

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดลฟต์ของเนเธอร์แลนด์ ประเมินว่า ETS2 อาจผลักครัวเรือนอีกหลายหมื่นเข้าสู่ภาวะความยากจนด้านพลังงานภายในปี 2030 ยิ่งตอกย้ำความกังวลว่าการกำหนดราคาคาร์บอน หากขาดมาตรการรองรับ อาจซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำทางสังคมมากกว่าลดการปล่อยก๊าซอย่างมีประสิทธิภาพ

Social Climate Fund กลไกเยียวยาที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง

เพื่อลดแรงกระแทกจาก ETS2 สหภาพยุโรปวางบทบาทสำคัญไว้ที่ Social Climate Fund ซึ่งจะนำรายได้จากการกำหนดราคาคาร์บอนกลับมาสนับสนุนครัวเรือนเปราะบาง ธุรกิจขนาดเล็ก และการลงทุนด้านพลังงานสะอาด เช่น การปรับปรุงอาคารให้ประหยัดพลังงาน หรือการเข้าถึงระบบขนส่งคาร์บอนต่ำ

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายไม่ได้อยู่ที่การมีอยู่ของกองทุนเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ความเร็ว ความเพียงพอ และความแม่นยำในการจัดสรร หากเงินช่วยเหลือมาถึงช้า หรือไม่ครอบคลุมกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจริง ความชอบธรรมของ ETS2 อาจถูกตั้งคำถามในระดับสาธารณะ และบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อการเปลี่ยนผ่านโดยรวม

เสียงวิจารณ์จากภาคประชาสังคม เช่น Climate Action Network Europe ที่มองว่าการเลื่อน ETS2 เป็นการพลาดโอกาสในการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว สะท้อนความกังวลว่า “เวลา” คือทรัพยากรที่จำกัดที่สุดในการรับมือวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

“คาร์บอนเครดิต” ความยืดหยุ่นที่มาพร้อมคำถาม

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญของข้อตกลงคือ การเปิดทางให้ภาคอุตสาหกรรมใช้คาร์บอนเครดิตได้สูงสุด 5% ของเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซในปี 2040 เพิ่มจากข้อเสนอเดิมที่ 3% และอาจขยายได้อีกภายใต้เงื่อนไขทบทวนในอนาคต

ในมุมหนึ่ง “คาร์บอนเครดิต” ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือช่วยลดต้นทุนและแรงต้านจากอุตสาหกรรมหนัก ทำให้เป้าหมาย 90% มีความเป็นไปได้ทางการเมืองและเศรษฐกิจมากขึ้น แต่อีกด้านหนึ่ง ก็เปิดคำถามถึงคุณภาพ ความน่าเชื่อถือและผลลัพธ์จริงของการลดการปล่อย หากการพึ่งพาเครดิตกลายเป็น “ทางลัด” แทนการลดการปล่อยภายในภูมิภาค

ความเห็นจากนักการทูตสหภาพยุโรปที่ย้ำว่าช่วงทดลองต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ สะท้อนว่าประเด็นนี้ยังไม่ปิดฉาก และอาจกลายเป็นสนามถกเถียงสำคัญในทศวรรษหน้า

บทเรียนจากยุโรปต่อการเปลี่ยนผ่านระดับโลก

การตัดสินใจของสหภาพยุโรปครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและสภาพภูมิอากาศไม่ได้เป็นเพียงโจทย์เทคโนโลยีหรือเศรษฐศาสตร์ แต่เป็นโจทย์การเมืองและสังคมอย่างลึกซึ้ง ยิ่งนโยบายสีเขียวขยับจากภาคอุตสาหกรรมไปสู่บ้านเรือนประชาชน ความจำเป็นในการออกแบบนโยบายที่เป็นธรรมและยอมรับได้ทางสังคมยิ่งทวีความสำคัญ

สำหรับประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทย บทเรียนจาก ETS2 คือการกำหนดราคาคาร์บอนอาจเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ต้องมาพร้อมโครงสร้างคุ้มครองผู้เปราะบาง การลงทุนทางเลือกพลังงานที่เข้าถึงได้ และการสื่อสารสาธารณะที่โปร่งใส มิฉะนั้น ความทะเยอทะยานด้านสภาพภูมิอากาศอาจสะดุดลงจากแรงต้านที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของผู้คนเอง

อ้างอิง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์