ราคาทองคำโลกพุ่งแรงช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รับแรงหนุนจากหลากหลายปัจจัย โดยเฉพาะการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ หลังตัวเลขตลาดแรงงานออกมาต่ำกว่าคาด ขณะเดียวกันตลาดเพิ่มน้ำหนักต่อความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในเดือนกันยายน ทำให้ทองคำกลับมาน่าสนใจในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
ทองคำแกว่งกว่า 80 เหรียญก่อนปิดบวกแรง
วรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ให้สัมภาษณ์ในรายการ FIRST UP ผ่านทางเพจ SPACEBAR โดยกล่าวว่า ราคาทองคำในวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ส.ค. 2568) แกว่งตัวแรงในกรอบกว่า 80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะปิดบวกกว่า 70 ดอลลาร์ สะท้อนแรงซื้อที่กลับเข้าสู่ตลาด จากแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญ
“นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจในความน่าเชื่อถือของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะข้อมูลตลาดแรงงานที่ผันผวน และมีข้อกังขาว่าเป็นตัวเลขจริงหรือไม่ เนื่องจากปัญหาภายในหน่วยงานที่จัดเก็บข้อมูล ส่งผลให้ตลาดหันมาให้น้ำหนักกับปัจจัยอื่น โดยเฉพาะแนวโน้มดอกเบี้ยของเฟด และการแต่งตั้งผู้ว่าการเฟดคนใหม่” วรุตกล่าว
FedWatch Tool ชี้ลดดอกเบี้ยสูงสุด 3 ครั้งในปีนี้
หลังข่าวการลาออกของ "เอเดรียนา คูเกลอร์" หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และกระแสคัดค้านจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อแนวนโยบายดอกเบี้ยของเฟด ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งภายในปีนี้ จากเดิมที่คาดเพียง 1 ครั้ง
เครื่องมือ CME FedWatch Tool สะท้อนว่า ตลาดให้น้ำหนักความเป็นไปได้สูงถึง 80% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน และมีแนวโน้มลดอีก 2 ครั้งในเดือนตุลาคมและธันวาคม รวมเป็น 75 basis point ภายในปีนี้
“แรงกดดันต่อเฟดตอนนี้รุนแรงมาก ทำให้ภาพของดอกเบี้ยขาลงชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกหลักของทองคำ” วรุตกล่าว
แนะรอจังหวะย่อตัวเข้าซื้อมากกว่าไล่ซื้อ
ด้านกลยุทธ์การลงทุน นายวรุตแนะนำให้นักลงทุน “รอจังหวะอ่อนตัว” ของราคาทองคำ ก่อนเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น โดยประเมินแนวรับในกรอบ 1,268–1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,850–2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับที่ควรระมัดระวังในการขายทำกำไร
“ยังไม่แนะนำไล่ซื้อทองคำเมื่อราคาพุ่งขึ้น ควรรอให้ราคาย่อตัวแล้วค่อยทยอยสะสม เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวน” วรุตกล่าว
ทองคำไทยเคลื่อนไหวกรอบแคบ
สำหรับทองคำในประเทศ ได้รับอิทธิพลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่ากลับมาอยู่ที่ระดับ 32.48 บาท/ดอลลาร์ โดยราคาทองคำแท่งในประเทศเคลื่อนไหวในกรอบ 50,300–50,500 บาท/บาททองคำ ขณะที่แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 52,000 บาท ซึ่งเป็นโซนที่ควรระวังการเทขายทำกำไร
จับตาสงครามการค้า-ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์
นอกจากปัจจัยทางการเงินแล้ว วรุตยังแนะนักลงทุนให้จับตาความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะสงครามรัสเซีย–ยูเครน และท่าทีของจีน–สหรัฐในประเด็นการค้า รวมถึงการเคลื่อนไหวของอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งยังคงเพิ่มแรงซื้อในทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย