ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ (10 ต.ค.) ปรับตัวลดลงกว่า 20 จุด โดยมีแรงกดหลักจาก หุ้นเดลต้า (DELTA) หลังตลาดหลักทรัพย์ประกาศให้เข้ามาตรการ Trading Alert List อีกครั้ง ซึ่งสร้างแรงเทขายจากนักลงทุนเป็นวงกว้าง เนื่องจาก DELTA มีน้ำหนักต่อดัชนีสูงถึงราว 15%
คุณสุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้อำนวยการสายงานวิจัย ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การร่วงลงของตลาดวันนี้มีสาเหตุหลักจาก DELTA ที่ถูกแรงขายหลังการติด Trading Alert ซึ่งเป็นรอบที่ 10 นับตั้งแต่ปี 2021 โดยสถิติย้อนหลังพบว่า หุ้น DELTA มักจะปรับตัวลงเฉลี่ย ราว 11% ภายในวันถัดจากที่ถูกประกาศเข้ามาตรการดังกล่าว
"รอบนี้ DELTA ปรับลงแรงกว่า 10 บาท จากระดับราว 200 บาท เหลือใกล้ 180 บาท ซึ่งถือว่าสะท้อนผลกระทบจากมาตรการไปมากแล้ว และโอกาสเริ่มตั้งฐานฟื้นตัวเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นได้ " สุวัฒน์ กล่าว
มาตรการ Trading Alert กดแรงขาย แต่พื้นฐานไม่เปลี่ยน
สุวัฒน์ระบุว่า แม้ DELTA จะถูกแรงขายจากมาตรการแคชบาลานซ์ แต่ ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทไม่ได้เปลี่ยนแปลง โดย DELTA ยังมีศักยภาพเติบโตจากเทรนด์ AI และ Data Center ที่กำลังขยายตัวทั่วโลก
ล่าสุด เดลต้าไต้หวัน รายงานยอดขายเดือนกันยายนอยู่ที่ 57,000 ล้านเหรียญไต้หวัน เติบโตถึง 54% YoY และเพิ่มขึ้น 20% MoM สะท้อนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และความต้องการอุปกรณ์พลังงานที่ใช้ในศูนย์ข้อมูล (Data Center) ซึ่ง DELTA เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์หลัก
"ภาพใหญ่คือเม็ดเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่ง DELTA อยู่ในระบบนิเวศนี้เต็มตัว ถือว่าพื้นฐานยังแข็งแรงในระยะยาว" เขากล่าว
แนะจับตาการหมุนเงินจาก DELTA สู่หุ้นกลุ่ม “แวลู”
เมื่อ DELTA ถูกแรงขาย นักลงทุนอาจเห็นการหมุนเม็ดเงินไปยังหุ้นกลุ่มอื่น โดยกรุงศรีมองว่าตลาดยังมีโอกาสในหุ้น “แวลู” หลายกลุ่ม เช่น
· กลุ่มโรงไฟฟ้า ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของ AI และ Data Center
· กลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีก และเช่าซื้อ ซึ่งได้อานิสงส์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ
· กลุ่มปิโตรเคมีและโรงกลั่น ที่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่เริ่มอ่อนตัว
เม็ดเงินจาก DELTA ที่ขายออกมา อาจไหลเข้าสู่หุ้นกลุ่มไฟฟ้าและหุ้นในประเทศที่ยังมีมูลค่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งเป็นโอกาสในการสะสมช่วงตลาดผันผวน
— สุวัฒน์ กล่าว
หุ้นใหญ่กดตลาดเพิ่ม “การบินไทย” ร่วงตาม
นอกจาก DELTA แล้ว หุ้นขนาดใหญ่ที่เคยช่วยดันตลาด เช่น การบินไทย (THAI) ก็ปรับตัวลงเช่นกัน หลังนักลงทุนกังวลประเด็นการเพิ่มทุนและความไม่แน่นอนด้านการบริหาร ซึ่งส่งผลกดดันต่อจิตวิทยาตลาดในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม มองว่าการปรับฐานนี้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว และราคาน้ำมันที่เริ่มลดลงจะช่วยหนุนผลประกอบการในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว
กลยุทธ์การลงทุนช่วงหยุดยาว: จับตา “จีน-นโยบายรัฐไทย”
สุวัฒน์แนะนำว่า ช่วงก่อนหยุดยาว 3 วัน นักลงทุนควรเน้น ถือหุ้นพื้นฐานดีในกลุ่มที่มีปัจจัยหนุนชัดเจน โดยประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามสัปดาห์หน้า ได้แก่
· ตัวเลขเศรษฐกิจจีน
· การประชุม Belt and Road Forum (20–23 ต.ค.)
· มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐไทย ซึ่งจะทยอยออกทุกสัปดาห์ โดยเฉพาะมาตรการด้าน การท่องเที่ยวและการแก้หนี้ครัวเรือน
สัปดาห์หน้าตลาดจะกลับมาให้ความสำคัญกับมาตรการเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งน่าจะช่วยพยุงบรรยากาศการลงทุนให้ดีขึ้น
— สุวัฒน์กล่าว
คาด SET เริ่มตั้งฐาน ฟื้นได้หากผ่าน 1,312 จุด
สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นไทย กรุงศรีประเมินว่า ระยะสั้นดัชนี SET มีแนวรับบริเวณ 1,290 จุด และแนวต้านสำคัญที่ 1,312 จุด หากสามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ จะช่วยยืนยันการกลับตัวของตลาด โดยยังคงประมาณการเป้าหมายดัชนีปี 2567 ที่ 1,370 จุด และปี 2568 ที่ 1,650 จุด
กลยุทธ์ระยะยาว: กระจายพอร์ตลงทุนต่างประเทศ เน้น “จีน–อาเซียน”
ในส่วนของการจัดพอร์ตลงทุน คุณสุวัฒน์แนะนำให้กระจายความเสี่ยงไปยัง ตลาดหุ้นจีน และ อาเซียน ซึ่งจะได้อานิสงส์จากวงจรดอกเบี้ยขาลง ขณะที่ตลาดสหรัฐฯ เริ่มเข้าสู่ช่วง “ตึงตัว” ของมูลค่าหุ้น
จีนกำลังเดินหน้าปรับโครงสร้างเศรษฐกิจแบบ 360 องศา ทั้งนโยบายการเงิน การคลัง และเทคโนโลยี หุ้นเทคจีนหลายตัวมีมูลค่าต่ำเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ จึงเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนระยะยาว
— สุวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย


