การศึกษาใหม่ของรัฐบาลนิวซีแลนด์เผยข้อมูลน่าเป็นกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อมหาสมุทรรอบประเทศ โดยพบว่าทะเลในบริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของโลกราว 34% พร้อมสร้างความเสี่ยงต่อระบบนิเวศทางทะเลและชุมชนชายฝั่ง
รายงาน Our Marine Environment ชี้ให้เห็นว่าอุณหภูมิน้ำทะเลผิวน้ำในพื้นที่ 4 แห่งรอบนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.16-0.26 องศาเซลเซียสต่อทศวรรษ ระหว่างปี 1982-2023 การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการหยุดชะงักของกระแสน้ำขนาดใหญ่ที่ไหลระหว่างนิวซีแลนด์และแอนตาร์กติกา
ผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล
Shane Geange นักวิทยาศาสตร์จากกรมอนุรักษ์ธรรมชาติระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ปัญหาในมหาสมุทรแย่ลงมากขึ้น คลื่นความร้อนในทะเลเกิดขึ้นบ่อยและรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเร็วขึ้น และน้ำทะเลมีความเป็นกรดมากขึ้น พร้อมปริมาณออกซิเจนที่ลดลง
สัตว์ทะเลพื้นเมืองหลายชนิดประสบปัญหาในการปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะเพนกวินตาเหลืองพื้นเมืองของนิวซีแลนด์ ที่ได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงผิดปกติ ขณะที่สิ่งมีชีวิตบุกรุกจากภายนอกกำลังขยายอิทธิพลในพื้นที่
ความเสี่ยงต่อชุมชนชายฝั่ง
การศึกษาเผยว่าบ้านเรือนกว่า 200,000 หลัง มูลค่ารวม 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำทะเลท่วมและน้ำท่วมจากแผ่นดิน ชุมชนชายฝั่งในพื้นที่ลุ่มหลายแห่งเริ่มรับรู้ถึงผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เรียกร้องการดำเนินการ
Geange เน้นย้ำว่าหลักฐานที่มีอยู่เพียงพอสำหรับการดำเนินการ "การชะลอเวลาจะส่งผลให้ระบบนิเวศทางทะเลของเราได้รับอันตรายมากขึ้น" วิธีการจัดการสิ่งแวดล้อมทางทะเลของนิวซีแลนด์จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้
รายงานฉบับนี้สะท้อนถึงความจำหน่วยในการจัดการกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะในประเทศเกาะที่มีชายฝั่งยาวและพึ่งพาทรัพยากรทางทะเลเป็นหลัก



