เม็ดฝนหมดไป ลมหนาวเข้ามาแทนที่ สถานการณ์สภาพอากาศในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นเดือนธันวาคมนี้ มีความซับซ้อนจากการปะทะกันระหว่างพายุหมุนเขตร้อนสองลูก บวกกับมวลอากาศเย็นกำลังแรงที่แผ่ลงมาจากประเทศจีน โดยรายงานล่าสุดจากกรมอุตุนิยมวิทยา และศูนย์วิเคราะห์สภาพอากาศชี้ว่า “ความหนาวเย็น” ได้กลายเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ภัยคุกคามจากพายุอ่อนกำลังลงตามลำดับ
สถานะล่าสุดของการอ่อนกำลังของระบบพายุ

พายุโคโตะ (KOTO)
สถานะล่าสุด ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่องพายุ “โคโตะ” และอากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 4 (366/2568) (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 28-30 พฤศจิกายน 2568) ระบุพายุไต้ฝุ่น “โคโตะ” (KOTO) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ได้อ่อนกำลังลง เป็นพายุโซนร้อนกำลังแรงแล้ว โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 13.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 112.4 องศาตะวันออก
ทั้งนี้ พายุโคโตะยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในทะเลจีนใต้ตอนกลางตามการคาดการณ์ของ JTWC (Joint Typhoon Warning Center) และมีแนวโน้มจะอ่อนกำลังลงอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เนื่องจากเคลื่อนที่เข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนาม และถูกมวลอากาศเย็นจากจีนที่แผ่ลงมาอย่างรุนแรงเข้าไปแทรกซึมในโครงสร้างพายุ ซึ่งขัดขวางการสะสมพลังงานและความรุนแรงของระบบ ผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรงจึงลดลงเหลือเพียงการเพิ่มความชื้นเล็กน้อย ในภาคตะวันออกและอีสานตอนล่าง ในช่วงวันที่ 3-4 ธันวาคม

พายุเซนยาร์ (SENYAR)
สถานะล่าสุดในระบบของพายุ เผยเซนยาร์ได้อ่อนกำลังลงมากจากการปะทะกับแผ่นดินในพื้นที่มาเลเซียและสุมาตรา และสลายตัวเป็นเพียง “หย่อมความกดอากาศต่ำ (L) กำลังแรง” ซึ่งได้สิ้นสุดบทบาทในการนำพาฝนตกหนักเข้าสู่ภาคใต้ของไทยแล้ว โดยระบบสลายตัวไปตามการไหลเวียนของลมมรสุม
การวิเคราะห์เชิงกลศาสตร์ของปรากฏการณ์ฟูจิวารา
การที่ “พายุโคโตะ” ดูดดึงลมระบบของ “เซนยาร์” ที่อ่อนกำลังลงแล้วไปรวมเข้าด้วยกันในทะเลจีนใต้ตอนลาง นับเป็นปรากฏการณ์ที่สอดคล้องกับหลักการ ฟูจิวาราเอฟเฟกต์ (Fujiwhara Effect) ซึ่งเป็นการปฏิสัมพันธ์กันของพายุหมุนเขตร้อนสองลูกที่อยู่ใกล้กัน
ในกรณีนี้ พายุโคโตะที่มีพลังงานมากกว่าได้ดึงดูดระบบไหลเวียนอากาศที่เหลืออยู่ของเซนยาร์ไว้ ซึ่งเป็นปัจจัยทางกลศาสตร์ที่อธิบายการเปลี่ยนแปลงทิศทางการเคลื่อนที่ของระบบที่อ่อนแอกว่า ซึ่งนับเป็น “ผลดีต่อประเทศไทย” เนื่องจากระบบที่รวมตัวกันยังถูกลดทอนความรุนแรงลงอย่างมากจากมวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมาปกคลุมทะเลจีนใต้
ส่วนผลกระทบที่แท้จริงและใหญ่ที่สุดต่อประเทศไทยในช่วงเวลานี้ คือการแผ่เสริมลงมาของมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีน ส่งผลให้มี “ความหนาวเย็นที่มากกว่าปกติ” โดยลมหนาวที่ลงมาปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงนี้มีกำลังแรงกว่าปกติชั่วคราว ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิลดลงอีก 1-4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรงและสภาพอากาศที่แห้งขึ้น โดยเฉพาะบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวจัด

สำหรับผลต่อสิ่งแวดล้อม อาจพบในด้านการเกษตร แนะนำให้เกษตรกรในภาคเหนือ และอีสาน เตรียมรับมือกับอุณหภูมิที่ลดลงอย่างรวดเร็ว และความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำค้างแข็ง เพื่อป้องกันความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร
ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ทำให้สรุปได้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันภัยคุกคามจากระบบพายุในทะเลจีนใต้ได้บรรเทาลงแล้ว และประชาชนในประเทศไทยตอนบนควรให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อมรับมือกับความหนาวเย็น ลมแรง และการดูแลสุขภาพเป็นหลัก พร้อมติดตามประกาศแจ้งเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้อย่างใกล้ชิด



