น้ำมูกไหล คันตา หายใจติดขัด แค่หวัดธรรมดา หรือผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ?
ท่ามกลางอากาศที่อุ่นเร็วและยืดเยื้อยาวนานกว่าที่เคยเป็น ทำให้ฤดูเกสรที่เคยกินเวลาไม่กี่สัปดาห์ในฤดูใบไม้ผลิ กลับลากยาวข้ามฤดู จนผู้ป่วยโรคภูมิแพ้หลายคนรู้สึกว่า “อาการไม่เคยหายไปเลย” นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่คือความจริงที่เกิดขึ้นจากวิกฤตโลกร้อน
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) รายงานว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศกำลังแทรกแซงวงจรธรรมชาติของพืชพรรณ ตั้งแต่ฤดูหนาวที่ละลายเร็ว ไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิที่อุ่นขึ้นเรื่อยๆ นั่นหมายถึงต้นไม้เริ่มผลิดอกออกเกสรเร็วขึ้น และฤดูของสารก่อภูมิแพ้ก็ยาวนานขึ้นตามไปด้วย

ฤดูแพ้ที่ยาวนานกว่าที่เคย
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ประชากรผู้มีอาการแพ้ทางเดินหายใจในยุโรปสูงถึง 25% ในผู้ใหญ่ และอาจแตะ 50% ของประชากรทั้งหมดภายในปี 2050 ขณะที่ผลการศึกษายืนยันว่า ระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งเป็นผลจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล กระตุ้นการเจริญเติบโตของพืชและเพิ่มการผลิตละอองเกสร ผลลัพธ์คือฤดูแพ้ที่รุนแรงและยาวนานกว่าที่เคย
ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่เรื่องอุณหภูมิเท่านั้น แต่รวมถึงปัจจัยสิ่งแวดล้อมทั้งหมด เช่น ความชื้น ระดับ CO₂ และความเครียดที่พืชได้รับจากมลพิษในอากาศ ซึ่งอาจทำให้พืชผลิตเกสรที่มีความเป็นภูมิแพ้สูงกว่าปกติ
— นิโกลาส์ วีเซซ์ นักชีววิทยาทางอากาศจากมหาวิทยาลัยลีล ฝรั่งเศส อธิบาย
จาก “ไข้ละอองฟาง” สู่ “โรคหอบหืดเรื้อรัง”
เดิมที “ไข้ละอองฟาง” (Hay fever) โรคภูมิแพ้จากเกสร หรือโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ อาจเป็นเพียงความไม่สบายเล็กน้อยในช่วงสั้นๆ ของปี แต่ในยุคที่โลกร้อนขึ้น ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า อาการสามารถทวีความรุนแรงกลายเป็น “โรคหอบหืดถาวร” ได้ภายในเวลาไม่กี่ปี
“เรากำลังเผชิญกับวิกฤตภูมิแพ้” เซเวอรีน เฟอร์นันเดซ ประธานสมาคมแพ้แห่งฝรั่งเศสระบุ พร้อมย้ำว่าปัญหานี้ไม่ใช่แค่ด้านสุขภาพส่วนบุคคล แต่กำลังลุกลามเป็นประเด็นสาธารณสุขที่ต้องเร่งจัดการ
การรับมือของสังคม...จากเทคโนโลยีจนถึงนโยบายพืชเมือง
หลายประเทศเริ่มปรับตัว เช่น ในฝรั่งเศส มีการจัดทำ “สวนเกสร” เพื่อเฝ้าระวังพืชที่ก่อภูมิแพ้ พร้อมแจ้งเตือนผู้ป่วยล่วงหน้า
ในสวิตเซอร์แลนด์ ระบบ AutoPollen ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อติดตามการกระจายตัวของเกสรแบบเรียลไทม์
ในญี่ปุ่น รัฐบาลตัดสินใจโค่นต้นซีดาร์ที่ผลิตเกสรในปริมาณมาก และปลูกพืชพันธุ์ใหม่ที่ปลอดภัยต่อระบบทางเดินหายใจของประชาชนมากกว่า
ละอองเกสรเล็กๆ ไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป
ปัญหานี้คือเครื่องเตือนใจสำคัญว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป มันเริ่มส่งผลต่อชีวิตประจำวันของผู้คน ผ่านอาการแพ้ที่หนักขึ้นทุกปี ผ่านเด็กที่เติบโตมาพร้อมระบบหายใจที่บอบบาง และผ่านต้นไม้ดอกไม้ที่บานผิดฤดู
ไม่ว่าเราจะอยู่เมืองไหน ฤดูเกสรที่ยืดเยื้อคือสัญญาณเตือนให้เราร่วมกันลดโลกร้อน...ก่อนที่ทุกลมหายใจจะกลายเป็น “ภาระ” แทนที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดี