ผลวิจัยชี้ บ้านอยู่ข้างถนน อาจป่วยความดันโลหิตสูงได้!

23 มี.ค. 2566 - 03:37

  • ผลวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อวันพุธในวารสาร JACC: Advances ทำให้นักวิจัยประหลาดใจ ผู้คนที่อาศัยอยู่ใกล้กับเสียงจากการจราจรบนท้องถนนไม่เพียงแต่มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูงเท่านั้น แต่ความเสี่ยงนี้เพิ่มขึ้นตาม ‘ปริมาณ’ ของเสียง

Traffic_noise_pushing_up_blood_pressure_SPACEBAR_Hero_dfa4ebeaac.jpeg
พวกเราส่วนใหญ่คุ้นเคยกับความเดือดดาลบนท้องถนน การขับขี่ที่ดุดันซึ่งเกิดจากความเครียดหรือความโกรธที่อยู่หลังพวงมาลัย แต่การบีบแตรและเร่งเครื่องยนต์ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อผู้ที่อยู่ในรถเท่านั้น แต่ยังสามารถเพิ่ม ‘ความดันโลหิต’ ให้กับผู้คนที่อาศัยอยู่ใกล้ถนนอีกด้วย 

การวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างเสียงจากการจราจรบนถนนกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคความดันโลหิตสูง แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าสาเหตุมาจากเสียงหรือมลพิษจากการจราจร จนกระทั่งล่าสุดนักวิจัยกล่าวว่า ‘พวกเขามีหลักฐานแล้ว’ 

การใช้ข้อมูลด้านสุขภาพจากฐานข้อมูลชีวการแพทย์ UK Biobank ซึ่งมีข้อมูลทางพันธุกรรมและสุขภาพจากผู้เข้าร่วมกว่าครึ่งล้านคนในสหราชอาณาจักร นักวิจัยวิเคราะห์ข้อมูลจากมากกว่า 240,000 คน ช่วงอายุระหว่าง 40-69 ปี ที่ไม่มีความดันโลหิตสูงในตอนแรก 

ทีมจาก American College of Cardiology ใช้ที่อยู่อาศัยและเครื่องมือสร้างแบบจำลองของยุโรป Common Noise Assessment Method และดูข้อมูลและติดตามผลในช่วง 8.1 ปีเพื่อดูว่ามีผู้ป่วยความดันโลหิตสูงกี่คน 

ผลลัพธ์ที่ตีพิมพ์เมื่อวันพุธในวารสาร JACC: Advances ทำให้นักวิจัยประหลาดใจ เพราะผู้คนที่อาศัยอยู่ใกล้กับเสียงจากการจราจรบนท้องถนนไม่เพียงแต่มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูงเท่านั้น แต่ความเสี่ยงนี้ยังเพิ่มขึ้นตาม ‘ปริมาณ’ ของเสียงด้วย แม้ว่านักวิจัยจะปรับอนุภาคขนาดเล็กและไนโตรเจนไดออกไซด์แล้วก็ตาม 

ระดับเสียงที่สูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อความดันโลหิตให้สูงขึ้น 

คาเซม ราห์ฮีมี ศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์หัวใจและหลอดเลือดและสุขภาพประชากรแห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด กล่าวกับ CNN ว่า เนื่องจากพื้นที่ที่มีเสียงดังมีแนวโน้มที่จะมีมลพิษทางอากาศในระดับสูงเช่นกัน คำถามหนึ่งที่เกิดขึ้นก็คือ แต่ละพื้นที่มีส่วนทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคอื่นหรือไม่ ซึ่งคำตอบคือ การอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีเสียงดังและมีมลพิษทำให้ความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้น 

ราห์ฮีมีกล่าวว่า การกำหนดนโยบายเพื่อควบคุมเสียงจากการจราจรบนถนนจะเป็นประโยชน์ เช่น การกำหนดหลักเกณฑ์และการบังคับใช้เสียงที่เข้มงวดขึ้น การปรับปรุงสภาพถนนและการออกแบบเมือง และการลงทุนเทคโนโลยีขั้นสูงกับยานพาหนะที่เงียบกว่า เช่น รถยนต์ไฟฟ้า 

องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า ผู้ใหญ่อายุระหว่าง 30-79 ปีทั่วโลกประมาณ 1.28 พันล้านคนเป็นโรคความดันโลหิตสูง โดย 2 ใน 3 อาศัยอยู่ในประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลาง 

ตามรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ระบุว่า ภาวะดังกล่าวจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของชาวอเมริกัน 2 ประการ แต่ผู้ใหญ่ประมาณ 46% ไม่ทราบว่าตนเป็นโรคความดันโลหิตสูง 

WHO กล่าวว่า อายุที่มากขึ้น กรรมพันธุ์ น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน การไม่ออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีเกลือสูง และการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง และเนื่องจากภาวะนี้มักไม่แสดงอาการ วิธีที่ดีที่สุดในการดูว่าคุณมีภาวะนี้หรือไม่คือการวัดความดันโลหิต คุณจะได้จัดการและลดความเสี่ยงได้

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์