งานวิจัยชี้ชัดโลกร้อนทำให้ผลกระทบจากคลื่นสึนามิรุนแรงขึ้น

30 ก.ค. 2568 - 09:14

  • งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกียวโต และมหาวิทยาลัย Virginia Tech ชี้ชัดว่าระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้สึนามิในปัจจุบันมีความรุนแรงมากกว่าอดีต

  • ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น 0.5 เมตร เพิ่มความถี่ของน้ำท่วมจากสึนามิ 1.2–2.4 เท่า

งานวิจัยชี้ชัดโลกร้อนทำให้ผลกระทบจากคลื่นสึนามิรุนแรงขึ้น

ตามติดสถานการณ์แผ่นดินไหว-สึนามิ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.8 นอกชายฝั่งตะวันออกของรัสเซีย นับเป็นหนึ่งในแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดอันดับ 6 ของโลก เท่าที่เคยบันทึกได้ในประวัติศาสตร์ โดยสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ (USGS) รายงานว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้มีศูนย์กลางลึกลงไปราว 20.7 กิโลเมตร ส่งผลให้หลายประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิก รวมถึงญี่ปุ่น ฮาวาย เม็กซิโก และออสเตรเลีย ต้องประกาศเตือนภัยคลื่นสึนามิ และทยทอยได้รับผลกระทบบ้างแล้ว ขณะที่รายงานเบื้องต้นจาก Pacific Tsunami Warning Center ระบุว่าอาจเกิดคลื่นสูงถึง 1–3 เมตรในหลายพื้นที่

แม้แผ่นดินไหวจะเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกโดยตรง แต่ผลกระทบจากคลื่นสึนามิที่ตามมา กลับไม่สามารถพิจารณาแยกขาดจาก “ภาวะโลกร้อน” ได้อีกต่อไป

โดยงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น และมหาวิทยาลัย Virginia Tech สหรัฐอเมริกา ชี้ชัดว่าระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลายเป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้สึนามิในปัจจุบันมีความรุนแรงมากกว่าอดีต

การเพิ่มของระดับน้ำทะเล คือปัจจัยแฝงที่ขยายความเสียหาย

หนึ่งในงานวิจัยชิ้นสำคัญซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Japanese Journal of JSCE โดย Kazuki Yagisawa และคณะ ได้จำลองเหตุการณ์สึนามิบริเวณชายฝั่งจังหวัดฮอกไกโดในสถานการณ์ที่ระดับน้ำทะเลเริ่มต้นเพิ่มสูงขึ้น พบว่าแม้ “คลื่นลูกแรก” อาจไม่เปลี่ยนแปลงในความสูง แต่ คลื่นลูกถัดไปจะมีความสูงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่งลักษณะเวิ้งอ่าว ซึ่งเกิดจากปรากฏการณ์ "การสั่นสะเทือนภายในอ่าว" (bay oscillation) อันมีสาเหตุมาจากการสะท้อนและทบคลื่นภายในพื้นที่จำกัด

การวิเคราะห์คลื่นในเชิงความถี่ (spectral analysis) ยังพบว่า เมื่อระดับน้ำเริ่มต้นเพิ่มขึ้น ความถี่ของคลื่นจะเปลี่ยนไป โดยช่วงเวลาระหว่างยอดคลื่น (peak period) จะสั้นลง แต่ความสูงของยอดคลื่นจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจหมายถึงคลื่นที่เคลื่อนเข้าชายฝั่งด้วยความเร็วและแรงกระแทกมากขึ้น

ระดับน้ำทะเลเพิ่ม 0.5 เมตร ความถี่น้ำท่วมจากสึนามิเพิ่ม 2.4 เท่า

ขณะที่งานวิจัยจาก Robert Weiss และทีมวิจัยจาก Virginia Tech, Earth Observatory of Singapore และ National Taiwan University ที่ตีพิมพ์ใน Science Advances ใช้การจำลองกว่า 5,000 เหตุการณ์ในพื้นที่เมืองมาเก๊า พบว่า

  • ระดับน้ำทะเล เพิ่มขึ้น 0.5 เมตร (1.5 ฟุต) ความถี่ของน้ำท่วมจากสึนามิ เพิ่มขึ้น 1.2 – 2.4 เท่า
  • ระดับน้ำทะเล เพิ่มขึ้น 1.0 เมตร (3 ฟุต) ความถี่ของน้ำท่วมจากสึนามิ เพิ่มขึ้น 1.5 – 4.7 เท่า

“สิ่งที่เราเคยถือว่าเป็นกรณีเลวร้ายที่สุดในอดีต อาจกลายเป็นสถานการณ์ปกติในอนาคต หากระดับน้ำทะเลยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

งานวิจัย ระบุ

sustainability-studies-show-global-warming-intensifies-tsunamis-SPACEBAR-Photo01.jpg

ความเปราะบางของธรรมชาติปัจจัยเร่งภัยธรรมชาติ

นอกจากผลโดยตรงจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ระบบนิเวศชายฝั่ง เช่น แนวปะการัง ป่าชายเลน และพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่เคยทำหน้าที่เป็น “แนวป้องกันธรรมชาติ” กำลังเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็วจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น กรดในมหาสมุทรที่เพิ่มขึ้น และการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างไม่ยั่งยืน ทำให้พื้นที่ชายฝั่งทั่วโลกมีความเสี่ยงมากขึ้นหากเกิดคลื่นสึนามิ

ทางออกเชิงระบบ : ออกแบบอนาคตภายใต้ความจริงใหม่

ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ชุดใหม่นี้ชี้ว่า การวางแผนด้านโครงสร้างพื้นฐานของเมืองชายฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นเขื่อนกั้นคลื่น ถนนชายฝั่ง หรือระบบเตือนภัย ต้อง ปรับพารามิเตอร์เพื่อคำนวณบนฐานของระดับน้ำทะเลใหม่ ไม่ใช่ใช้ข้อมูลในอดีตอีกต่อไป

การออกแบบพื้นที่ให้สามารถฟื้นตัวจากภัยพิบัติ (Disaster-Resilient Planning) และการอนุรักษ์แนวธรรมชาติชายฝั่งอย่างยั่งยืน กลายเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน ไม่ใช่เพียงทางเลือกเสริม โดยงานวิจัยจำนวนมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นว่า ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน เป็นตัวแปรสำคัญที่ขยายขอบเขตและความเสียหายของคลื่นสึนามิ จากภัยพิบัติที่เคยกระทบเฉพาะแนวชายฝั่ง กลับสามารถท่วมลึกถึงพื้นที่ชุมชนที่เคยปลอดภัย

บทเรียนจากแผ่นดินไหวและสึนามิล่าสุดควรเป็นจุดเริ่มต้นของการคิดใหม่ทั้งระบบ เพื่อให้สังคมสามารถอยู่รอดและยั่งยืนภายใต้ความไม่แน่นอนของสภาพภูมิอากาศในศตวรรษนี้

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์