ข้อมูลโดยกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า สึนามิ (Tsunami) เป็นคำที่ยอมรับกันทั่วโลกแล้วว่าเป็นคลื่นยักษ์ที่มีความยาวคลื่นเป็นหลัก 100 กิโลเมตรขึ้นไป ที่ก่อให้เกิดภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตและทรัพย์สินของมนุษย์
“สึนามิ” เป็นคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่น หากแปลตรงตัวคำว่า TSU หมายถึง ท่าเรือ NAMI หมายถึง คลื่น
— กรมทรัพยากรธรณี
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการเคลื่อนตัวของพื้นทะเลในแนวดิ่งตรงรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก ซึ่งก่อให้มีแนวของรอยเลื่อนมีพลังอันเป็นแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ คลื่นที่เกิดขึ้นมักมีลักษณะขนาดเล็กๆ ไม่สามารถตรวจวัดได้ขณะอยู่ในทะเลเปิด ต่อเมื่อเคลื่อนที่เข้าใกล้ชายฝั่ง ความสูงของคลื่นจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตามสภาพภูมิลักษณ์ของชายฝั่งนั้นๆ จนมีผลกระทบร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีผลต่ออ่าวที่เว้าเป็นรูปตัววี (V) และเปิดไปสู่มหาสมุทรโดยตรง

ความเร็วคลื่นสึนามิ: มหาสมุทรลึก = คลื่นเร็ว
คลื่นสึนามิในมหาสมุทรหรือทะเลตรงที่เกิดแผ่นดินไหว เป็นความพยายามที่จะกลับคืนสู่สมดุลภายหลังจากการยกตัวอย่างฉับพลันของพื้นท้องมหาสมุทร นำมาซึ่งการยกตัวของมวลน้ำทะเลอย่างทันทีทันใด
อนุภาคของน้ำจะกระเพื่อมขึ้นและลง เริ่มต้นเป็นศูนย์กลางของการแผ่กระจายคลื่นน้ำออกไปในทุกทิศทาง โดยอนุภาคของน้ำเคลื่อนที่เป็นวงรี และมีลักษณะยาวตามแนวนอน
แม้ความสูงของคลื่นจะไม่มากนักในทะเลลึก แต่มีค่าความเร็วสูงมาก และเมื่อคลื่นเข้าใกล้ฝั่ง ความเร็วจะลดลงอย่างฉับพลัน แต่พลังงานของคลื่นยังคงอยู่ ส่งผลให้ยอดคลื่นยกตัวสูงขึ้น
สึนามิไวแค่ไหน?
ความเร็วในการเคลื่อนที่ของคลื่นสึนามิ แสดงด้วยสมการของ Langranges Law ที่ว่า ความเร็วคลื่นเป็นรากที่สองของผลคูณความลึกกับอัตราเร่งของความโน้มถ่วงของโลก เช่น ถ้าในทะเลอันดามัน มีความลึก 4,000 เมตร คำนวณความเร็วของคลื่นสึนามิได้ประมาณ 700 กม./ชม.
ผู้เชี่ยวชาญเตือน “คลื่นสึนามิเร็วเท่าเครื่องบินเจ็ต” ฮาวายอาจเผชิญน้ำท่วมจากคลื่นที่ซัดเข้าใกล้ชายฝั่ง
ยง เว่ย นักวิจัยอาวุโสจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน และห้องปฏิบัติการสิ่งแวดล้อมทางทะเลแปซิฟิก (Pacific Marine Environmental Laboratory) ของ NOAA เปิดเผยว่า คลื่นสึนามิที่กำลังเคลื่อนตัวอยู่อาจทำให้ชายฝั่งทางเหนือของรัฐฮาวายเกิดน้ำท่วม ขณะที่บริเวณชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ น่าจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า พร้อมอธิบายว่า คลื่นสึนามิแตกต่างจากคลื่นทะเลทั่วไปอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของความเร็วและพลังงาน
“คลื่นสึนามิสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 700 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเทียบได้กับความเร็วของเครื่องบินเจ็ต”
— ยง เว่ย นักวิจัยอาวุโสจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน และห้องปฏิบัติการสิ่งแวดล้อมทางทะเลแปซิฟิก กล่าว
ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้คลื่นสึนามิอันตรายคือ เมื่อมันเดินทางเข้าสู่น้ำตื้นใกล้ชายฝั่ง พลังงานมหาศาลที่สะสมอยู่จะถูกเปลี่ยนไปเป็นความสูงของคลื่น ส่งผลให้เกิดแรงกระแทกอย่างรุนแรงและสามารถสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อพื้นที่ชายฝั่งได้

เปรียบเทียบความเร็วของสึนามิในระดับความลึกต่างๆ
◦ น้ำลึก 5,000 เมตร: เร็วเท่า เครื่องบินเจ็ต ≈ 800 กม./ชม.
◦ น้ำลึก 500 เมตร: เร็วเท่า รถไฟชินคันเซ็น ≈ 250 กม./ชม.
◦ น้ำลึก 100 เมตร: เร็วเท่า เสือชีตาห์ ≈ 110 กม./ชม.
◦ เขตน้ำตื้น (10 เมตร): ลดเหลือ ≈ 36 กม./ชม.
ถึงแม้ความเร็วจะลดลงในเขตน้ำตื้น แต่ก็ยังเร็วเกินกว่าที่คนจะสามารถวิ่งหนีทันได้ และคลื่นจะยิ่งสูงขึ้นเมื่อเข้าใกล้ฝั่ง เพราะคลื่นลูกหลังจะหนุนให้คลื่นลูกหน้าเด่นชัดและรุนแรงมากยิ่งขึ้น
คำเตือน “เห็นคลื่นเมื่อไหร่ แปลว่าสายไปแล้ว”
สมาคมช่วยชีวิตแห่งประเทศญี่ปุ่นย้ำว่า ยิ่งมหาสมุทรลึกเท่าไหร่ สึนามิก็เดินทางได้เร็วเท่านั้น และเมื่อคลื่นเข้าใกล้ฝั่ง น้ำตื้นจะหน่วงความเร็ว แต่ความสูงของคลื่นกลับเพิ่มขึ้น
หากรู้สึกถึงแผ่นดินไหว หรือได้รับประกาศเตือนภัยสึนามิ ให้รีบอพยพขึ้นที่สูงทันที แม้จะยังไม่เห็นคลื่นใด ๆ ก็ตาม เพราะการรอให้เห็นคลื่นด้วยตาเปล่า คือการรอจนเกินเวลาอพยพ
มาตรการป้องกันภัยจากสึนามิ
- หากอยู่ริมชายฝั่งและรู้สึกถึงแผ่นดินไหว หรือระดับน้ำลดลงผิดปกติ ให้รีบอพยพขึ้นที่สูงทันที
- เตรียมพร้อมเสมอเมื่อมีการแจ้งเตือนแผ่นดินไหวในทะเล
- เรือในท่าเรือควรนำออกสู่ทะเลลึก หากมีเวลาพอ
- สึนามิอาจมาเป็นระลอก ควรรอประกาศอย่างเป็นทางการก่อนกลับเข้าชายหาด
- ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
- หากบ้านอยู่ใกล้ทะเล ควรเสริมเขื่อน ปลูกต้นไม้ หรือใช้วัสดุช่วยลดแรงปะทะของน้ำ
- หลีกเลี่ยงการสร้างสิ่งปลูกสร้างใกล้ชายฝั่งในพื้นที่เสี่ยงภัย
- ฝึกซ้อมแผนอพยพ และกำหนดเส้นทางหนีภัยประจำทุกปี
- วางผังเมืองให้ที่อยู่อาศัยอยู่ห่างจากชายฝั่ง
- ส่งเสริมความรู้เรื่องสึนามิให้ประชาชนอย่างทั่วถึง
- วางแผนประสานงานด้านช่วยเหลือ ฟื้นฟู และสาธารณสุขล่วงหน้า
ทั้งหมดชี้ให้เห็นว่า “สึนามิ” ไม่ใช่แค่คลื่นน้ำ แต่เป็น “พลังทำลายล้าง” ที่เดินทางเร็วในระดับเครื่องบิน และยิ่งอันตรายเมื่อใกล้ฝั่ง การรู้และเตรียมพร้อมรับมือไว้ล่วงหน้าคือวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องชีวิตจากภัยธรรมชาติที่ไม่เคยรอใคร
วันนี้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ อย่าง “สึนามิ” กลายเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ที่สะท้อนถึงความเปราะบางของมนุษย์ต่อพลวัตของธรรมชาติในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ภายใต้บริบทของการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) โดยเฉพาะ เป้าหมายที่ 13: การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Action) และ เป้าหมายที่ 11: เมืองและถิ่นฐานมนุษย์ที่ยั่งยืน (Sustainable Cities and Communities)
การตระหนักถึงภัยจาก “สึนามิ” จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของการเอาชีวิตรอดเฉพาะหน้า แต่ยังเป็นเรื่องของการวางระบบความรู้ การจัดการความเสี่ยง และการออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยที่เคารพต่อระบบนิเวศชายฝั่งอย่างยั่งยืน เพื่อปกป้องทั้งมนุษย์และธรรมชาติในระยะยาว ซึ่งนับเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของชุมชนอย่างยั่งยืน โดยสอดคล้องกับแนวทางของ SDGs ที่เน้นการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (Disaster Risk Reduction) และการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคมผ่านความรู้ เทคโนโลยี และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน การออกแบบเมืองที่ไม่รุกล้ำชายฝั่ง การอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเล และการปลูกฝังวัฒนธรรมการเตรียมพร้อมต่อภัยพิบัติ จึงเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้ทุกสังคมก้าวไปสู่ความมั่นคงทางสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนอย่างแท้จริง