กทม.ประกาศสงครามฝุ่น เปิดแรงจูงใจ เร่งขับเคลื่อน 10 มาตรการยั่งยืน

28 พ.ย. 2568 - 06:56

  • พลิกเกมสู้ฝุ่นด้วยเศรษฐกิจ Green List Plus มอบส่วนลดพร้อมสิทธิพิเศษจูงใจลดมลพิษระยะยาว

  • กทม. ขยาย Low Emission Zone (LEZ) ครอบคลุม 50 เขต ใช้ระบบ AI ตรวจจับ

  • ยกระดับการพยากรณ์ฝุ่นล่วงหน้าเป็น 7 วัน ตั้งเป้า WFH 3 แสนคน ควบคู่ปลูกต้นไม้ 3 ล้านต้น

กทม.ประกาศสงครามฝุ่น เปิดแรงจูงใจ เร่งขับเคลื่อน 10 มาตรการยั่งยืน

กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ กระทรวงคมนาคม หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ผนึกกำลังยกระดับมาตรการเตรียมพร้อมรับมือฤดูฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ประจำปี 2569 พร้อมประกาศใช้ 10 มาตรการเชิงรุก และเปิดตัวโครงการสำคัญ “Green List Plus โปรสู้ฝุ่น PM2.5” ซึ่งมุ่งเน้นการแก้ปัญหาที่แหล่งกำเนิดหลักจากภาคการขนส่งอย่างเข้มข้นและยั่งยืน

นายณรงค์ เรืองศรี ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร ได้รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ค่าเฉลี่ยทั่วกรุงเทพฯ สูงกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ 37.5 มคก./ลบ.ม. ทำให้ภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) โดยค่าฝุ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ - ปริมณฑล ฝุ่น PM2.5 มีแนวโน้มเกินเกณฑ์มาตรฐานไปจนถึงช่วงวันที่ 2 ธ.ค. นี้

sustainability-SPACEBAR-Photo01.jpg

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เข้าร่วมกิจกรรมและแถลงการบูรณาการความร่วมมือภายใต้หัวข้อ “การดำเนินงานของหน่วยงานในการเตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝุ่น PM2.5” ณ กรมการขนส่งทางบก โดยมีนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นประธานเปิดกิจกรรมโครงการ “ร่วมทาง ร่วมใจ ลดฝุ่น PM2.5”

“การเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นเรื่องต้นๆ ที่ประชาชนต้องการรู้เรื่องฝุ่น หลักๆ กรุงเทพฯ มีอยู่ 2 ฤดู คือ ฤดูฝน กับฤดูฝุ่น เมื่อฝนหมดฝุ่นก็มา”

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าว

ปัญหาฝุ่นในกรุงเทพฯ มีสาเหตุหลักมาจาก 3 ส่วน คือ สภาพอากาศกดตัวลง (อากาศปิด) การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะรถที่ปล่อยควันดำ และการเผาชีวมวลจากพื้นที่ใกล้เคียง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหามลพิษจากรถยนต์และรถบรรทุกเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง พร้อมระบุว่าปัญหาทั้งหมดเชื่อมโยงกับมิติทางเศรษฐกิจ ซึ่งต้องแก้ไขด้วยการใช้แรงจูงใจทางเศรษฐกิจ

จากภาพรวมสภาพอุตุนิยมวิทยา ความกดอากาศสูงกำลังแรงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมไทยทำให้พื้นที่กรุงเทพฯ อากาศเย็น ส่งผลให้ โอกาสเกิดสภาวะอินเวอร์ชันสูง ความสูงชั้นผสมอากาศลดลง ระบายอากาศไม่ดี มีแนวโน้มสะสมฝุ่น ในบางพื้นที่เกินมาตรฐาน ประกอบกับในช่วงอากาศแห้งและช่วงสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว

ตรวจพบจุดความร้อน (Hotspots) เพิ่มสูงมากขึ้นต่อเนื่อง ในภาคกลาง ภาคอีสาน จังหวัดรอบกรุงเทพฯ (พื้นที่ต้นลมทิศเหนือ–อีสาน) จุดความร้อนจากการเผาเศษชีวมวลในพื้นที่ต้นลมสามารถนำฝุ่นเข้าสะสมในกรุงเทพฯ มีผลทำให้ คุณภาพอากาศเกินมาตรฐานในระยะนี้ โดยในช่วงสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 3–5 ธ.ค. 68 คาดว่าการระบายอากาศดีขึ้น ฝุ่นมีแนวโน้มลดลง

ยกระดับมาตรการเข้ม บังคับใช้และสร้างแรงจูงใจ

กทม. ได้ยกระดับแผนรับมือวิกฤตฝุ่นเป็น 10 มาตรการเชิงรุก สำหรับปี 2569 ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การควบคุมแหล่งกำเนิด การดูแลสุขภาพ และการจัดการเมือง โดยมีรายละเอียดดังนี้

sustainability-SPACEBAR-Photo02.jpg

10 มาตรการเชิงรุกของ กทม. สู้ฝุ่น PM2.5

กรุงเทพมหานครได้ยกระดับแผนรับมือวิกฤตฝุ่นเป็น 10 มาตรการเชิงรุก สำหรับปี 2569 ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การควบคุมแหล่งกำเนิด การดูแลสุขภาพ และการจัดการเมือง โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ดังนี้

มาตรการควบคุมมลพิษจากยานยนต์ (แหล่งกำเนิดหลัก)

มาตรการในกลุ่มนี้เน้นการบังคับใช้กฎหมายและการสร้างแรงจูงใจเพื่อลดมลพิษจากรถยนต์และรถบรรทุก:

1 ขยายเขตมลพิษต่ำ (LEZ) และบัญชีสีเขียว (Green List): กทม. ขยายพื้นที่ LEZ ให้ครอบคลุม 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ โดยใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) และกล้อง CCTV ในการควบคุมและออกใบสั่งอัตโนมัติแก่รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปที่ไม่ได้ลงทะเบียนใน Green List ในช่วงเวลาที่ประกาศห้ามเข้า

2 ปรับลดมาตรฐานควันดำ: เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจจับ โดยปรับมาตรฐานจากเดิมห้ามเกิน 30% ให้เหลือ ห้ามเกิน 20% เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568

3 โครงการ Green List Plus: ใช้มาตรการจูงใจสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (รถ 4 ล้อ) เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศ โดยตั้งเป้าหมายมีรถเข้าร่วม 500,000 คัน พร้อมมอบส่วนลดสูงสุด 50% และสิทธิพิเศษจากภาคเอกชน เช่น จอดรถฟรี หรือบัตรโดยสารรถไฟฟ้า BTS

มาตรการควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดอื่น

เป็นการจัดการแหล่งกำเนิดมลพิษที่ไม่ใช่ภาคการขนส่ง:

4 คุมเข้มโรงงานและสถานประกอบการ: ตรวจสอบโรงงานที่มีหม้อไอน้ำจำนวน 256 แห่ง ให้ปฏิบัติตามมาตรฐานการปล่อยมลพิษ ที่เข้มงวดขึ้น

5 ตรวจควบคุมมลพิษในไซต์ก่อสร้าง: ตรวจสอบรถบรรทุกและเครื่องจักรในพื้นที่ก่อสร้างขนาดใหญ่ให้ได้มาตรฐานเพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น

6 จัดการการเผาชีวมวล: ประสานงานกับพื้นที่ปริมณฑลและจังหวัดรอบข้าง เพื่อลดการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ป่าซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด PM2.5 ที่สำคัญ

มาตรการด้านสาธารณสุขและการแจ้งเตือน

มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพและให้ข้อมูลแก่ประชาชน:

7 จัดตั้งห้องปลอดฝุ่น (Clean Room): จัดให้มีห้องปลอดฝุ่นในโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็ก ครบ 100% เพื่อความปลอดภัยของกลุ่มเปราะบาง

8 รณรงค์ Work From Home (WFH): ตั้งเป้าหมายรณรงค์ให้มีผู้เข้าร่วม WFH ประมาณ 300,000 คน ในช่วงที่ค่าฝุ่นอยู่ในระดับวิกฤต (ระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม 2569) เพื่อลดการเดินทาง

9 ยกระดับการพยากรณ์และการแจ้งเตือน: พัฒนาระบบพยากรณ์ค่าฝุ่นล่วงหน้าจาก 3 วัน เป็น 7 วัน พร้อมแจ้งเตือนผ่านช่องทางหลัก เช่น Cell Broadcast และ Line Alert เพื่อให้ประชาชนเตรียมตัวล่วงหน้า

มาตรการด้านการจัดการเมือง

10 เพิ่มพื้นที่สีเขียว: เดินหน้าปลูกต้นไม้ให้ครบ 3 ล้านต้น และขยาย สวน 15 นาที ให้ครบ 500 แห่งทั่วพื้นที่ เพื่อใช้เป็นแนวกำแพงธรรมชาติในการดักจับฝุ่นและปรับปรุงคุณภาพอากาศในเมือง

sustainability-SPACEBAR-Photo03.jpg

มิติความยั่งยืน-แก้ปัญหาตลอดปีด้วยแรงจูงใจทางเศรษฐกิจ

การดำเนินงานของ กทม. ในโครงการ Green List Plus สะท้อนแนวคิดการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยเน้นการใช้ แรงจูงใจทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความร่วมมือจากประชาชน นายชัชชาติระบุว่า การให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ที่บำรุงรักษารถให้ได้มาตรฐาน (เข้าร่วม Green List Plus) จะดีกว่าการใช้มาตรการแบบห้ามทั้งหมด ซึ่งขาดแรงจูงใจในการทำความดี โดยปัจจุบันมีผู้ผลิตรถยนต์ 9 แบรนด์ ศูนย์บริการน้ำมัน และผู้ประกอบการรายใหญ่กว่า 1,745 แห่ง เข้าร่วมในโครงการ Green List Plus

โครงการนี้นอกจากจะเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว ยังเป็นการสร้างความตระหนักและส่งเสริมพฤติกรรมการบำรุงรักษารถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดคุณภาพอากาศที่ดีอย่างยั่งยืนในระยะยาว ตามวิสัยทัศน์ของกรุงเทพมหานคร

ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้เน้นย้ำหน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานคร และสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต เข้มงวดตรวจแหล่งกำเนิดฝุ่นละออง ทั้งสถานประกอบการ ไซต์ก่อสร้าง การตรวจรถควันดำ ตรวจตราไม่ให้มีการเผาในที่โล่ง เพื่อลดปัจจัยการเกิดฝุ่น โดยประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่กรุงเทพฯ ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ ผ่านแอป AirBKK โดยเฝ้าระวังคุณภาพอากาศครอบคลุมทั้ง 50 เขต เพื่อวางแผนการทำงาน/การทำกิจกรรม หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีปริมาณค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานและมีแนวโน้มเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ลดระยะเวลา หรืองดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อป้องกันผลกระทบทางสุขภาพ ซึ่งผ่านเว็บไซต์และแอป AirBKK จะมีการพยากรณ์ PM2.5 ล่วงหน้าได้ถึง 7 วัน เพื่อให้ประชาชนเตรียมตัวล่วงหน้าได้ทันท่วงที นอกจากนี้ ในช่วงที่ฝุ่นสูง กทม. ได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์ฝุ่น เพิ่มเป็นวันละ 3 รอบ คือ 07.00 น. 11.00 น. และ 15.00 น. เพื่อให้ประชาชนติดตามความเปลี่ยนแปลงตลอดวัน ซึ่งสามารถติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศและคำแนะนำการป้องกันสุขภาพ ได้หลายช่องทางประกอบด้วย 

1. เว็บไซต์ www.airbkk.com

2. www.pr-bangkok.com

3. เฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร

4. เฟซบุ๊ก สำนักสิ่งแวดล้อม กทม 

5. เฟซบุ๊ก กรุงเทพมหานคร 

6. แอปพลิเคชัน AirBKK ทั้งระบบ iOS และ Android 

7. จอแสดงผล ณ สถานีตรวจวัด และจอเคลื่อนที่ในสวนสาธารณะ 

อีกทั้งประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลและเป็นหูเป็นตา หากพบแหล่งก่อมลพิษ หรือรถปล่อยควันดำสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ Traffy Fondue

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์