กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ กระทรวงคมนาคม หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ผนึกกำลังยกระดับมาตรการเตรียมพร้อมรับมือฤดูฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ประจำปี 2569 พร้อมประกาศใช้ 10 มาตรการเชิงรุก และเปิดตัวโครงการสำคัญ “Green List Plus โปรสู้ฝุ่น PM2.5” ซึ่งมุ่งเน้นการแก้ปัญหาที่แหล่งกำเนิดหลักจากภาคการขนส่งอย่างเข้มข้นและยั่งยืน
นายณรงค์ เรืองศรี ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร ได้รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ค่าเฉลี่ยทั่วกรุงเทพฯ สูงกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ 37.5 มคก./ลบ.ม. ทำให้ภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) โดยค่าฝุ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ - ปริมณฑล ฝุ่น PM2.5 มีแนวโน้มเกินเกณฑ์มาตรฐานไปจนถึงช่วงวันที่ 2 ธ.ค. นี้

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เข้าร่วมกิจกรรมและแถลงการบูรณาการความร่วมมือภายใต้หัวข้อ “การดำเนินงานของหน่วยงานในการเตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝุ่น PM2.5” ณ กรมการขนส่งทางบก โดยมีนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นประธานเปิดกิจกรรมโครงการ “ร่วมทาง ร่วมใจ ลดฝุ่น PM2.5”
“การเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นเรื่องต้นๆ ที่ประชาชนต้องการรู้เรื่องฝุ่น หลักๆ กรุงเทพฯ มีอยู่ 2 ฤดู คือ ฤดูฝน กับฤดูฝุ่น เมื่อฝนหมดฝุ่นก็มา”
— ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าว
ปัญหาฝุ่นในกรุงเทพฯ มีสาเหตุหลักมาจาก 3 ส่วน คือ สภาพอากาศกดตัวลง (อากาศปิด) การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะรถที่ปล่อยควันดำ และการเผาชีวมวลจากพื้นที่ใกล้เคียง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหามลพิษจากรถยนต์และรถบรรทุกเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง พร้อมระบุว่าปัญหาทั้งหมดเชื่อมโยงกับมิติทางเศรษฐกิจ ซึ่งต้องแก้ไขด้วยการใช้แรงจูงใจทางเศรษฐกิจ
จากภาพรวมสภาพอุตุนิยมวิทยา ความกดอากาศสูงกำลังแรงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมไทยทำให้พื้นที่กรุงเทพฯ อากาศเย็น ส่งผลให้ โอกาสเกิดสภาวะอินเวอร์ชันสูง ความสูงชั้นผสมอากาศลดลง ระบายอากาศไม่ดี มีแนวโน้มสะสมฝุ่น ในบางพื้นที่เกินมาตรฐาน ประกอบกับในช่วงอากาศแห้งและช่วงสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว
ตรวจพบจุดความร้อน (Hotspots) เพิ่มสูงมากขึ้นต่อเนื่อง ในภาคกลาง ภาคอีสาน จังหวัดรอบกรุงเทพฯ (พื้นที่ต้นลมทิศเหนือ–อีสาน) จุดความร้อนจากการเผาเศษชีวมวลในพื้นที่ต้นลมสามารถนำฝุ่นเข้าสะสมในกรุงเทพฯ มีผลทำให้ คุณภาพอากาศเกินมาตรฐานในระยะนี้ โดยในช่วงสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 3–5 ธ.ค. 68 คาดว่าการระบายอากาศดีขึ้น ฝุ่นมีแนวโน้มลดลง
ยกระดับมาตรการเข้ม บังคับใช้และสร้างแรงจูงใจ
กทม. ได้ยกระดับแผนรับมือวิกฤตฝุ่นเป็น 10 มาตรการเชิงรุก สำหรับปี 2569 ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การควบคุมแหล่งกำเนิด การดูแลสุขภาพ และการจัดการเมือง โดยมีรายละเอียดดังนี้

10 มาตรการเชิงรุกของ กทม. สู้ฝุ่น PM2.5
กรุงเทพมหานครได้ยกระดับแผนรับมือวิกฤตฝุ่นเป็น 10 มาตรการเชิงรุก สำหรับปี 2569 ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การควบคุมแหล่งกำเนิด การดูแลสุขภาพ และการจัดการเมือง โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ดังนี้
มาตรการควบคุมมลพิษจากยานยนต์ (แหล่งกำเนิดหลัก)
มาตรการในกลุ่มนี้เน้นการบังคับใช้กฎหมายและการสร้างแรงจูงใจเพื่อลดมลพิษจากรถยนต์และรถบรรทุก:
1 ขยายเขตมลพิษต่ำ (LEZ) และบัญชีสีเขียว (Green List): กทม. ขยายพื้นที่ LEZ ให้ครอบคลุม 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ โดยใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) และกล้อง CCTV ในการควบคุมและออกใบสั่งอัตโนมัติแก่รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปที่ไม่ได้ลงทะเบียนใน Green List ในช่วงเวลาที่ประกาศห้ามเข้า
2 ปรับลดมาตรฐานควันดำ: เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจจับ โดยปรับมาตรฐานจากเดิมห้ามเกิน 30% ให้เหลือ ห้ามเกิน 20% เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568
3 โครงการ Green List Plus: ใช้มาตรการจูงใจสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (รถ 4 ล้อ) เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศ โดยตั้งเป้าหมายมีรถเข้าร่วม 500,000 คัน พร้อมมอบส่วนลดสูงสุด 50% และสิทธิพิเศษจากภาคเอกชน เช่น จอดรถฟรี หรือบัตรโดยสารรถไฟฟ้า BTS
มาตรการควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดอื่น
เป็นการจัดการแหล่งกำเนิดมลพิษที่ไม่ใช่ภาคการขนส่ง:
4 คุมเข้มโรงงานและสถานประกอบการ: ตรวจสอบโรงงานที่มีหม้อไอน้ำจำนวน 256 แห่ง ให้ปฏิบัติตามมาตรฐานการปล่อยมลพิษ ที่เข้มงวดขึ้น
5 ตรวจควบคุมมลพิษในไซต์ก่อสร้าง: ตรวจสอบรถบรรทุกและเครื่องจักรในพื้นที่ก่อสร้างขนาดใหญ่ให้ได้มาตรฐานเพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น
6 จัดการการเผาชีวมวล: ประสานงานกับพื้นที่ปริมณฑลและจังหวัดรอบข้าง เพื่อลดการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ป่าซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด PM2.5 ที่สำคัญ
มาตรการด้านสาธารณสุขและการแจ้งเตือน
มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพและให้ข้อมูลแก่ประชาชน:
7 จัดตั้งห้องปลอดฝุ่น (Clean Room): จัดให้มีห้องปลอดฝุ่นในโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็ก ครบ 100% เพื่อความปลอดภัยของกลุ่มเปราะบาง
8 รณรงค์ Work From Home (WFH): ตั้งเป้าหมายรณรงค์ให้มีผู้เข้าร่วม WFH ประมาณ 300,000 คน ในช่วงที่ค่าฝุ่นอยู่ในระดับวิกฤต (ระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม 2569) เพื่อลดการเดินทาง
9 ยกระดับการพยากรณ์และการแจ้งเตือน: พัฒนาระบบพยากรณ์ค่าฝุ่นล่วงหน้าจาก 3 วัน เป็น 7 วัน พร้อมแจ้งเตือนผ่านช่องทางหลัก เช่น Cell Broadcast และ Line Alert เพื่อให้ประชาชนเตรียมตัวล่วงหน้า
มาตรการด้านการจัดการเมือง
10 เพิ่มพื้นที่สีเขียว: เดินหน้าปลูกต้นไม้ให้ครบ 3 ล้านต้น และขยาย สวน 15 นาที ให้ครบ 500 แห่งทั่วพื้นที่ เพื่อใช้เป็นแนวกำแพงธรรมชาติในการดักจับฝุ่นและปรับปรุงคุณภาพอากาศในเมือง

มิติความยั่งยืน-แก้ปัญหาตลอดปีด้วยแรงจูงใจทางเศรษฐกิจ
การดำเนินงานของ กทม. ในโครงการ Green List Plus สะท้อนแนวคิดการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยเน้นการใช้ แรงจูงใจทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความร่วมมือจากประชาชน นายชัชชาติระบุว่า การให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ที่บำรุงรักษารถให้ได้มาตรฐาน (เข้าร่วม Green List Plus) จะดีกว่าการใช้มาตรการแบบห้ามทั้งหมด ซึ่งขาดแรงจูงใจในการทำความดี โดยปัจจุบันมีผู้ผลิตรถยนต์ 9 แบรนด์ ศูนย์บริการน้ำมัน และผู้ประกอบการรายใหญ่กว่า 1,745 แห่ง เข้าร่วมในโครงการ Green List Plus
โครงการนี้นอกจากจะเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว ยังเป็นการสร้างความตระหนักและส่งเสริมพฤติกรรมการบำรุงรักษารถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดคุณภาพอากาศที่ดีอย่างยั่งยืนในระยะยาว ตามวิสัยทัศน์ของกรุงเทพมหานคร
ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้เน้นย้ำหน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานคร และสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต เข้มงวดตรวจแหล่งกำเนิดฝุ่นละออง ทั้งสถานประกอบการ ไซต์ก่อสร้าง การตรวจรถควันดำ ตรวจตราไม่ให้มีการเผาในที่โล่ง เพื่อลดปัจจัยการเกิดฝุ่น โดยประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่กรุงเทพฯ ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ ผ่านแอป AirBKK โดยเฝ้าระวังคุณภาพอากาศครอบคลุมทั้ง 50 เขต เพื่อวางแผนการทำงาน/การทำกิจกรรม หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีปริมาณค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานและมีแนวโน้มเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ลดระยะเวลา หรืองดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อป้องกันผลกระทบทางสุขภาพ ซึ่งผ่านเว็บไซต์และแอป AirBKK จะมีการพยากรณ์ PM2.5 ล่วงหน้าได้ถึง 7 วัน เพื่อให้ประชาชนเตรียมตัวล่วงหน้าได้ทันท่วงที นอกจากนี้ ในช่วงที่ฝุ่นสูง กทม. ได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์ฝุ่น เพิ่มเป็นวันละ 3 รอบ คือ 07.00 น. 11.00 น. และ 15.00 น. เพื่อให้ประชาชนติดตามความเปลี่ยนแปลงตลอดวัน ซึ่งสามารถติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศและคำแนะนำการป้องกันสุขภาพ ได้หลายช่องทางประกอบด้วย
1. เว็บไซต์ www.airbkk.com
3. เฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร
4. เฟซบุ๊ก สำนักสิ่งแวดล้อม กทม
5. เฟซบุ๊ก กรุงเทพมหานคร
6. แอปพลิเคชัน AirBKK ทั้งระบบ iOS และ Android
7. จอแสดงผล ณ สถานีตรวจวัด และจอเคลื่อนที่ในสวนสาธารณะ
อีกทั้งประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลและเป็นหูเป็นตา หากพบแหล่งก่อมลพิษ หรือรถปล่อยควันดำสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ Traffy Fondue



