กลายเป็นเรื่อง “ปกติใหม่” ไปแล้ว สำหรับฤดูฝุ่นในช่วงสิ้นปี ที่อากาศดีๆ มักมาพร้อมภัยสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 ที่งานวิจัยระบุแล้ว “มลพิษทางอากาศ” โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 กำลังกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดโรคหนึ่งของโลก
เช็กค่าฝุ่น PM2.5 วันนี้
ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในกรุงเทพมหานคร ประจำวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 เวลา 07.00 น. พบค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 31.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) (ค่ามาตรฐาน 37.5 มคก./ลบ.ม.)
12 อันดับ ของค่าฝุ่น PM2.5 เขตสูงสุดในกรุงเทพมหานคร
- เขตลาดกระบัง 43.2 มคก./ลบ.ม.
- เขตสาทร 38.6 มคก./ลบ.ม.
- เขตปทุมวัน 38.1 มคก./ลบ.ม.
- เขตบางรัก 37.9 มคก./ลบ.ม.
- เขตคลองสามวา 37.8 มคก./ลบ.ม.
- เขตประเวศ 37.3 มคก./ลบ.ม.
- เขตราชเทวี 37.1 มคก./ลบ.ม.
- เขตมีนบุรี 36.9 มคก./ลบ.ม.
- เขตลาดพร้าว 35.8 มคก./ลบ.ม.
- เขตบางคอแหลม 35.6 มคก./ลบ.ม.
- เขตบางพลัด 34.9 มคก./ลบ.ม.
- เขตบึงกุ่ม 34.8 มคก./ลบ.ม.
ค่าฝุ่น PM2.5 ตามโซนต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร
- กรุงเทพเหนือ 27.3 - 35.8 มคก./ลบ.ม.
- กรุงเทพตะวันออก 26 - 43.2 มคก./ลบ.ม.
- กรุงเทพกลาง 25.1 - 37.1 มคก./ลบ.ม.
- กรุงเทพใต้ 18.5 - 38.6 มคก./ลบ.ม.
- กรุงธนเหนือ 26 - 34.9 มคก./ลบ.ม.
- กรุงธนใต้ 26.3 - 33.5 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง
ข้อแนะนำสุขภาพ: คุณภาพอากาศระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ประชาชนทั่วไป
- ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร
- จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก
- ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา
ประชาชนกลุ่มเสี่ยง
- ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร
- เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก
- ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

ศกพ.ประกาศเตือนสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 พุ่งช่วง 28 พ.ย.–2 ธ.ค.
ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กรมควบคุมมลพิษ ประกาศเตือนสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน ถึง 2 ธันวาคม 2568 หลังพบแนวโน้มค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่หลายจุดเริ่มเข้าสู่ระดับ “ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม)” แล้วตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ขณะเดียวกัน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือตอนล่างกำลังเผชิญระดับฝุ่นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ศกพ. รายงานว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นช่วงฝุ่นวิกฤตที่ต้องติดตามเป็นพิเศษ เนื่องจากความเข้มข้นของมลพิษสะสมตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน
สภาพอากาศ “ปิดเหมือนฝาชีครอบ” ต้นเหตุฝุ่นสะสม
สาเหตุหลักของค่าฝุ่นที่พุ่งสูงในช่วงนี้มาจาก ภาวะอากาศปิด ได้แก่
- อัตราการระบายอากาศต่ำ
- อุณหภูมิผกผันใกล้พื้นดิน
- เพดานการลอยตัวอากาศต่ำมาก
ปรากฏการณ์ดังกล่าวเปรียบเสมือน “ฝาชีครอบ” ทำให้ฝุ่นละอองไม่สามารถลอยสูงขึ้นได้ สะสมตัวอยู่ใกล้พื้นดิน และทำให้ค่าฝุ่นเพิ่มสูงกว่าปกติในหลายพื้นที่ติดต่อกัน ส่งผลให้คุณภาพอากาศแย่ลงโดยเฉพาะในเขตเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นและมีแหล่งกำเนิดมลพิษจำนวนมาก
ผลกระทบต่อสุขภาพและความกังวลของภาคประชาชน
ระดับฝุ่น PM2.5 ที่สูงต่อเนื่องสร้างความกังวลต่อผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยภูมิแพ้–หอบหืด และหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจาก PM2.5 เป็นฝุ่นขนาดเล็กที่สามารถเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดได้ง่าย หากได้รับเป็นเวลานานอาจกระตุ้นอาการเจ็บป่วยเรื้อรังหรืออาการเฉียบพลัน
รัฐขอความร่วมมือเข้ม ลดแหล่งกำเนิดฝุ่น–แนวโน้มคลี่คลายหลัง 2 ธ.ค.
ศกพ. ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนงดการเผาในที่โล่งทุกประเภท พร้อมแนะนำประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลและหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อช่วยลดการปล่อยมลพิษในช่วงที่ค่าฝุ่นสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
หน่วยงานยังเตือนกลุ่มเสี่ยงให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง และสวมหน้ากากเมื่อออกนอกบ้าน รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์คาดว่าจะ เริ่มดีขึ้นหลังวันที่ 2 ธันวาคม เมื่อสภาพลมและการกระจายตัวของอากาศดีขึ้น ทำให้ฝุ่นสามารถระบายตัวได้มากขึ้น แต่ยังต้องติดตามปัจจัยแหล่งกำเนิดมลพิษ เช่น การเผาในพื้นที่เกษตรและการจราจร ซึ่งยังคงมีผลต่อระดับฝุ่นเฉพาะพื้นที่
บทสรุปเชื่อมโยงสิ่งแวดล้อม–ความยั่งยืน
เหตุการณ์ฝุ่น PM2.5 ระลอกนี้ตอกย้ำว่า ปัญหาคุณภาพอากาศของไทยไม่ใช่เพียงความท้าทายด้านสภาพอากาศ แต่เกี่ยวพันกับโครงสร้างเมือง (และกฎหมายอากาศสะอาดที่ยังไม่คลอด) ปัญหาการคมนาคมสัญจร การใช้พลังงาน และพฤติกรรมการเผาในภาคเกษตร การแก้ไขอย่างยั่งยืนจึงต้องสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 3: สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และ SDG 11: เมืองและชุมชนยั่งยืน เพื่อทำให้การบริหารจัดการอากาศสะอาดเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนเมืองและระบบขนส่งในระยะยาว



