ในขณะที่ประชาคมโลกร่วมเรียกร้องให้สถานการณ์ชายแดนสงบลงด้วยสันติวิธี เสียงระเบิดกลับดังขึ้นก่อนฟ้าสางในแผ่นดินไทย โดยกัมพูชาใช้ ‘อาวุธร้ายแรง’ ยิงใส่บ้านเรือนพลเรือนในจังหวัดสุรินทร์ สร้างความตื่นตระหนกทั่วทั้งแนวชายแดน ขณะที่รัฐบาลไทยออกแถลงการณ์ ประณามอย่างรุนแรง พร้อมขอสงวนสิทธิในการป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ
วันนี้ (27 กรกฎาคม 2568) กระทรวงการต่างประเทศของไทยออกแถลงการณ์กรณีเหตุการณ์เมื่อเวลาประมาณ 04.30 น. ที่ผ่านมา ซึ่งกองกำลังกัมพูชาได้ใช้อาวุธร้ายแรงยิงเข้าใส่บ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ อันเป็นดินแดนของไทย
นอกจากการโจมตีแล้ว กัมพูชายังได้เผยแพร่ข้อมูลเท็จ กล่าวหาว่าฝ่ายไทยเป็นผู้เปิดฉากก่อน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ออกมาปฏิเสธ พร้อม ชี้แจงข้อเท็จจริง ว่าไทยไม่เคยละเมิดหลักการใดในกฎหมายระหว่างประเทศ และย้ำว่า
“ประเทศไทยขอประณามการกระทำอันร้ายแรงและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างรุนแรงที่สุด และขอเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดการโจมตีเป้าหมายพลเรือนในทันที”
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า การยุติความรุนแรงจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ตราบใดที่กัมพูชายัง ขาดความสุจริตใจ และยังคง ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน รวมถึง กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
ประเทศไทยยืนยันสิทธิในการ ป้องกันตนเอง ตามข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ และการตอบโต้ที่ดำเนินไปในเช้าวันนี้ กระทำเฉพาะต่อ เป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน
เรียกร้องประชาคมโลกร่วมประณามกัมพูชา
ในช่วงท้ายของแถลงการณ์ รัฐบาลไทยได้เรียกร้องให้ ประชาคมระหว่างประเทศร่วมกันประณาม พฤติกรรมอันไร้มนุษยธรรมของกัมพูชา ที่ละเมิดหลักสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค ซึ่งเป็นสิ่งไม่อาจยอมรับได้ในระเบียบโลกที่ยึดถือกติกาและหลักนิติธรรม