ฤดูหนาว 2568 ภาคใต้ ประเทศไทย ยังไม่พ้นอิทธพลของพายุและหย่อมความกดอากาศ ล่าสุด วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2568 สุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่องฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ฉบับที่ 2 (375/2568) มีผลกระทบจนถึงวันที่ 16 ธันวาคม 2568
11–12 ธ.ค. 68 เตือน 6 จังหวัดภาคใต้รับมือฝน
ในช่วงวันที่ 11–12 ธ.ค. 68 กรมอุตุนิยมวิทยาเตือน “ภาคใต้” มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร โดยมี “ฝนตกหนักมาก” บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา เนื่องจากจะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้
13–16 ธ.ค. 68 เตือนภาคใต้ตอนล่างฝนตกหนัก
ส่วนในช่วงวันที่ 13–16 ธ.ค. 68 กรมอุตุนิยมวิทยาเตือน “ภาคใต้ตอนล่าง” ยังคงมีฝนตกหนักหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น

เตือนคลื่นลมแรง มีคลื่นสูง 2–3 เมตร
สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทย และทะเลอันดามัน จะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2–3 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจะฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิด น้ำท่วมฉับพลัน และ น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง
ไทยตอนบนมีฝนบางแห่ง เย็นลง 2–4 องศา
สำหรับประเทศไทยตอนบน จะมีฝนเกิดขึ้นบางแห่ง ในช่วงวันที่ 11–13 ธ.ค. 68 จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2–4 องศาเซลเซียส โดยมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ปกคลุมประเทศไทย ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร

อิทธิพลจากเศษซากพายุดีเปรสชัน 93W
บทวิเคราะห์จากเตือนภัยพิบัติฝนฟ้าอากาศ
ขณะนี้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ including ภาคใต้ของไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย และบอร์เนียว กำลังเฝ้าระวัง “ฝนหนักถึงหนักมาก” เกิดจากแนวปะทะอากาศที่รุนแรง ซึ่งได้รับอิทธิพลจากเศษซากพายุดีเปรสชัน 93W ที่อ่อนกำลังลงหลังขึ้นฝั่งฟิลิปปินส์ แต่ยังคงสร้างเงื่อนไขฝนต่อเนื่อง
โดยปัจจัยสำคัญ ประกอบด้วย
1) ลมระดับล่าง 1,500 ม. (850 hPa)
– ลมหมุนจากทะเลจีนใต้กำลังลำเลียงความชื้นจำนวนมากขึ้นฝั่ง
– ความกดอากาศสูงจากจีนดันลงมา ปะทะกับอากาศร้อนชื้น → เกิดแนวปะทะลมและการยกตัวของเมฆ
→ ทำหน้าที่เสมือนท่อส่งไอน้ำขนาดใหญ่
2) ลมระดับกลาง 5,500 ม. (500 hPa)
– เป็นบริเวณความกดอากาศต่ำ ทำให้บรรยากาศไม่เสถียร
– มีการดึงอากาศออกด้านบน (Divergence) → ดูดอากาศจากชั้นล่างขึ้นอย่างต่อเนื่อง
→ ช่วยเร่งการก่อเมฆและทำให้ฝนตกยาว
3) เมื่อลมสองระดับทำงานพร้อมกัน
→ เกิดระบบฝนขนาดใหญ่
→ ฝนตกต่อเนื่องหลายวัน
→ บางพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน
พื้นที่เสี่ยง
- ริมฝั่งทะเลจีนใต้–อ่าวไทย
- ภาคใต้ของไทย
- เวียดนาม, กัมพูชา
- มาเลเซีย, สิงคโปร์
- อินโดนีเซียและเกาะบอร์เนียว
ขณะนี้ “ลมสองชั้น” ทั้งระดับล่างที่ขนความชื้นและระดับกลางที่ช่วยยกตัว กำลังทำงานพร้อมกัน ทำให้หลายพื้นที่ในอินโดจีนรวมถึง ภาคใต้ของไทย มีโอกาสเกิด ฝนต่อเนื่องและฝนหนัก ควรติดตามอัปเดตพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ แนะนำให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา อย่างใกล้ชิด โดยติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง



