กรุงเทพมหานครประกาศยกระดับความพร้อมรับมือน้ำเหนือหลาก น้ำทะเลหนุน และฝนตกหนัก หลังพบปริมาณน้ำในเขื่อนหลักภาคเหนืออยู่ในระดับสูง โดยคาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 9–11 ตุลาคมนี้ จะเกิดภาวะน้ำเหนือไหลหลากลงแม่น้ำเจ้าพระยา ชนกับน้ำทะเลหนุนในพื้นที่กรุงเทพฯ ตอนล่าง

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่สำรวจแนวป้องกันน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมยืนยันว่ากรุงเทพฯ ได้วางมาตรการเชิงรุกเพื่อรับมือสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว โดยประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกรมชลประทาน ศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อเฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ระบุว่า เขื่อนขนาดใหญ่ในภาคเหนือ เช่น เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนภูมิพล เขื่อนแควน้อย และเขื่อนกิ่วคอหมา มีปริมาณน้ำเก็บกักเกิน 87% ของความจุแล้วทั้งหมด โดยเฉพาะเขื่อนแควน้อย จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมีน้ำเต็มความจุ 100% แล้ว ส่งผลให้อัตราการไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น โดยสถานีวัดน้ำ C2 ที่จังหวัดนครสวรรค์ วัดปริมาณการไหลได้กว่า 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ด้านยกรมชลประทาน ยังคงเร่ง “หน่วงน้ำ” ไว้ทางตอนบน พร้อมบริหารการระบายจากเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในระดับ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งถือว่ายังต่ำกว่าระดับวิกฤตและต่ำกว่าปี 2554 อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนพระราม 6 ได้มีแผนควบคุมการระบายอย่างระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำในภาคกลาง

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญเป็นพิเศษในช่วงนี้ คือ น้ำทะเลหนุนสูง โดยคาดว่าจะถึงจุดสูงสุดในวันที่ 10–11 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะเกิดน้ำขึ้นสองรอบ คือช่วงเช้าประมาณ 09.00 น. และช่วงเย็นประมาณ 19.00 น. โดยอาจส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงกว่าระดับตลิ่งในบางจุด
เพื่อรับมือสถานการณ์ดังกล่าว กรุงเทพมหานครได้ดำเนินมาตรการป้องกันน้ำ 5 ด้าน ได้แก่ ตรวจสอบและเสริมแนวป้องกันน้ำท่วมริมเจ้าพระยาและคลองสายหลัก เช่น คลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ และคลองพระโขนง ความยาวรวมกว่า 88 กิโลเมตร พร้อมเสริมกระสอบทรายในจุดฟันหลอ แนวเปิดท่าเรือ และจุดเสี่ยงน้ำรั่วซึม โดยใช้กระสอบทรายกว่า 198,000 ใบ
ในพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำ เช่น ชุมชนโรงสี เขตเทเวศร์ บางกอกน้อย และบางกอกใหญ่ ได้มีการจัดทำสะพานไม้ชั่วคราว และเตรียมเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่เพื่อระบายน้ำท่วมขัง ขณะเดียวกัน สำนักการระบายน้ำจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านสถานการณ์ฝนตกในกรุงเทพฯ ล่าสุดเริ่มคลี่คลายลง โดยเฉพาะพื้นที่ฝั่งตะวันออก เช่น เขตประเวศ ที่เคยเผชิญน้ำท่วมซ้ำซาก ได้รับการจัดการที่ดีขึ้นจากการเร่งระบายน้ำและเตรียมความพร้อมระบบรองรับน้ำฝน

นายชัชชาติเน้นย้ำว่า “สถานการณ์ในกรุงเทพฯ ขณะนี้ยังไม่อยู่ในระดับน่าห่วง” พร้อมขอให้ประชาชนริมเจ้าพระยา โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 10–11 ตุลาคม เฝ้าระวังระดับน้ำทะเลหนุน และแจ้งเหตุผ่านสายด่วน กทม. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครยังเตรียมแผนรับมือฤดูฝุ่นหลังสิ้นสุดฤดูฝน โดยคำนึงถึงปัญหามลพิษ PM 2.5 ที่อาจกลับมาในช่วงปลายปี พร้อมขอความร่วมมือจากประชาชนในการเฝ้าระวังและป้องกันปัญหาน้ำท่วมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง


