สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยยังคงน่าเป็นห่วง โดยล่าสุดระดับน้ำในแม่น้ำยมได้เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และกัดเซาะแนวตลิ่งจนพนังกั้นน้ำแตกหลายจุด ส่งผลให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมแล้วกว่า 5 อำเภอ ได้แก่ อ.ศรีสัชนาลัย, อ.ศรีนคร, อ.สวรรคโลก, อ.ศรีสำโรง และ อ.เมืองสุโขทัย

โดยเฉพาะที่หมู่บ้านเอื้ออาทร ม.9 ต.ปากแคว ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและมีบ้านเรือนกว่า 300 หลังคาเรือน ประสบปัญหาน้ำท่วมสูง 1–1.5 เมตร ชาวบ้านต้องขนย้ายผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และทรัพย์สินออกจากพื้นที่ ขณะเดียวกันยังต้องเร่งเสริมแนวกระสอบทรายเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำล้นเข้าบ้านเพิ่มเติม
สนิท มะสีภา ชาวบ้านในพื้นที่ เปิดเผยว่า หมู่บ้านเอื้ออาทร ม.9 ต.ปากแควปีนี้ ถือว่าได้รับผลกระทบมากสุด เนื่องจากเป็นหมู่บ้านใหญ่ 300 กว่าหลังคาเรือน มีพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ ทำให้น้ำจากแม่น้ำยมไหลเอ่อเข้าท่วม และยังเพิ่มความสูงอย่างต่อเนื่อง
“ปีนี้น้ำมาแรงกว่าทุกปี ปกติบริเวณนี้ไม่เคยท่วมหนักขนาดนี้ พราะน้ำไม่ล้นพนังเข้ามา แต่ตอนนี้น้ำล้นทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว กังวลมากว่าจะซ้ำรอยปี 2554 หรือไม่”
— สนิท กล่าว

ด้าน นพฤทธิ์ ศิริโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ระบุว่า ปริมาณน้ำยมที่ไหลเข้าจังหวัดสุโขทัยจากจังหวัดแพร่นั้นอยู่ที่ประมาณ 1,300 ลูกบาศก์เมตร/วินาที โดยสามารถผันน้ำเข้าสู่แม่น้ำน่านได้เพียง 450 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ส่วนที่เหลือกว่า 850 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ไหลเข้าสู่แม่น้ำยมที่ผ่านตัวเมืองสุโขทัยโดยตรง จนเกิดน้ำล้นตลิ่งและทะลักเข้าสู่ชุมชนหลายแห่ง

ขณะนี้จังหวัดได้ตั้งศูนย์อพยพ โรงครัว และเร่งกระจายความช่วยเหลือ โดยประสานกับชลประทาน ปภ. กอ.รมน. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง เพื่อช่วยขนย้ายผู้ประสบภัย พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็วตรวจแนวพนังและเสริมกระสอบทรายอย่างเร่งด่วน
ผลกระทบเศรษฐกิจเริ่มชัด พื้นที่เกษตรจม ทำลายระบบค้าปลีก-ขนส่งท้องถิ่น
น้ำท่วมครั้งนี้เริ่มส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่เกษตรกรรมหลักของจังหวัดที่ได้รับความเสียหายจากน้ำที่ล้นข้ามคลองยม-น่าน เช่น พื้นที่ ต.คลองมะพลับ อ.ศรีนคร และ ต.คลองกระจง อ.สวรรคโลก ซึ่งส่วนใหญ่ปลูกข้าว พืชผัก และกล้วยน้ำว้า ต้องหยุดกิจกรรมการเพาะปลูกโดยสิ้นเชิง ขณะที่ราคาพืชผลทางการเกษตรในท้องถิ่นเริ่มผันผวนจากการขาดแคลนและการขนส่งที่ลำบาก

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ระบบค้าปลีก ร้านค้าชุมชน ตลาดสด และธุรกิจ SME ขนาดเล็กในตัวเมืองสุโขทัยได้รับผลกระทบหนัก หลายแห่งต้องปิดร้านชั่วคราวเพราะสินค้าถูกน้ำท่วมและลูกค้าไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ ขณะที่ราคาสินค้าจำเป็น เช่น ข้าวสาร น้ำดื่ม ยากันยุง และเครื่องยังชีพ เริ่มขาดแคลนในบางจุด
ในภาพรวม เศรษฐกิจฐานรากในจังหวัดสุโขทัย กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน ทั้งจากภัยธรรมชาติ ราคาสินค้าเกษตร และต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการฟื้นฟูอย่างเป็นระบบ ทั้งการเยียวยา การช่วยเหลือทางการเงิน และการจัดการโครงสร้างน้ำเพื่อป้องกันเหตุซ้ำซากในระยะยาว
