รัฐดัน ธ.ก.ส.ปล่อยกู้ อุ้มเกษตรกรชายแดน-ฟื้นภัย ‘วิภา’

เมื่อชาวไทยประสบสถานการณ์ความยากลำบาก ทั้งความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ทวีความตึงเครียด อีกด้าน ‘พายุวิภา’ ก็พัดถล่มหลายพื้นที่จนเกิดอุทกภัยฉับพลัน สร้างความทุกข์ยากให้ประชาชนจำนวนมาก รัฐบาลจึงเร่งขับเคลื่อนมาตรการเยียวยาเร่งด่วน โดยเน้นกลุ่มเกษตรกรและประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงผ่านระบบธนาคารรัฐ

อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั้งจากความไม่สงบชายแดนและภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเสริมสภาพคล่องในการดำรงชีพและฟื้นฟูอาชีพของลูกค้าอย่างเร่งด่วน

2 สินเชื่อฉุกเฉิน ดูแลผลกระทบชายแดน

โดย ธ.ก.ส. ออก 2 มาตรการสินเชื่อเร่งด่วน สำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน เน้นช่วยให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงเงินทุนเพื่อใช้จ่ายและฟื้นฟูทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย

1. สินเชื่อเพื่อค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2568

- วงเงินกู้: รายละไม่เกิน 50,000 บาท
- ดอกเบี้ย: 0% นาน 6 เดือนแรก จากนั้นคิด MRR (ปัจจุบัน 6.725%)
- ระยะเวลาชำระ: ไม่เกิน 3 ปี
- ใช้จ่ายได้ทั้งด้านอุปโภค บริโภค และความจำเป็นเร่งด่วน

2. สินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต

- วงเงินกู้: รายละไม่เกิน 500,000 บาท
- ดอกเบี้ย: MRR–2
- ระยะเวลาชำระ: สูงสุด 15 ปี
- สำหรับซ่อมแซมบ้านเรือน, ฟื้นฟูเครื่องมือเกษตร, ลงทุนทำการเกษตรรอบใหม่

เลื่อนชำระหนี้ผู้ได้รับผลกระทบจาก ‘วิภา’ สูงสุด 1 ปี

ในส่วนของผู้ประสบภัยจากพายุ ‘วิภา’ ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ ธ.ก.ส. ออกมาตรการ เลื่อนการชำระหนี้สูงสุด 1 ปี โดย ไม่คิดดอกเบี้ยปรับ เพื่อช่วยเหลือทั้งในด้านความเป็นอยู่ อาชีพ และฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมที่เสียหาย

ผู้ที่ประสงค์ขอรับการช่วยเหลือสามารถติดต่อสาขาธ.ก.ส. ในพื้นที่ได้ทันที ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2568

นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังเตรียมวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท สำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก และสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ ใช้ซ่อมแซมบ้านเรือน โรงเรือนการเกษตร เครื่องจักร และฟื้นฟูผลผลิตในระยะต่อไป