หลังรัฐบาลประกาศใช้บังคับแล้ว มาตรการกำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหม่ ที่ปลดล็อกให้ขายได้ช่วง 14.00-17.00 น. เป็นระยะเวลา 180 วัน ก่อนประเมินผล พร้อมขยายเวลานั่งดื่มในร้านต่อ 1 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา
ทีมข่าว Spacebar Big City ลงพื้นที่ สำรวจความคิดเห็นผู้ประกอบการร้านอาหารต่างๆในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีร้านอาหารให้บริการมากกว่า 10,000 ร้าน ที่อยู่ในกลุ่มสามารถเปิดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลา 14.00 - 17.00 น.
ชลิตา เหรียญประชา ผู้ประกอบการร้านอาหารเรือนนที เปิดเผยว่า เปิดร้านอาหารที่ให้บริการทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเป็นห้องอาหารที่ติดแอร์ เพื่อให้ความสะดวกสบาย แก่ลูกค้า โดย เฉพาะในช่วงเวลากลางวัน ที่ลูกค้าจะเลือกจองใช้บริการเป็นหมู่คณะ และจัดเลี้ยงสังสรรค์ แต่ที่ผ่านมากฎหมายงดจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ในช่วงเวลา 14.00 น. ถึง 17.00 น. ส่งผลกระทบกับร้านอาหารโดยตรง เนื่องจากร้านเริ่มเปิด 11.00 น. ถึง 22.00 น. โดยลูกค้าจะเริ่มเข้าร้านอาหารตั้งแต่ร้านเปิด ด้วยเวลาที่จำกัด ก็ส่งผลทำให้ลูกค้าหายไป นอกจากนี้ยังส่งผลกับนักท่องที่ต่างชาติ ไม่เข้าใจในกฎหมาย ก็ทำให้ร้านเสียลูกค้าไปจำนวนมาก
“หลังจากที่มีการปลดล็อค เชื่อว่าจะมีลูกค้าจองเข้ามา เป็นหมู่คณะและช่วงนี้ช่วงใกล้สิ้นปี ก็จะมีงานเลี้ยงปีใหม่ภายในร้าน ของลูกค้าก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เราสามารถบริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่โดยไม่ติดข้อกฎหมาฎหมาย และเชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการหลายหลายที่ มีลูกค้าและนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น”
“กรณีที่รัฐบาลเล็งเห็นเรื่องของการขยายเวลานั่งดื่มต่อได้อีก 1 ชั่วโมง ก็ส่งผลดีกับผู้ประกอบการเช่นกัน เพราะเราไม่สามารถปิดร้าน แล้วให้ลูกค้าออกได้ทันที เพราะจะต้องมีเวลาช่วงหนึ่งที่ผู้ประกอบการจะสามารถแจ้งลูกค้า หลังจากหมดเวลาขายก็จะมีเวลาในการเคลียร์ลูกค้าออกจากร้านได้เช่นกัน”

ด้าน ธนิต ชุมแสง นายกสมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการร้านอาหารในจังหวัดเชียงใหม่กว่า 1 หมื่นร้าน ได้ร่วมกันเรียกร้องให้รัฐแก้ไขนโยบาย ที่เป็นอุปสรรคด้านการท่องเที่ยว
ล่าสุดได้มีการปลดล็อค ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างเวลา 14.00-17.00 น. แล้ว ถือว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวได้ในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันสามารถกระตุ้นยอดขายให้กับร้านอาหารที่เปิดช่วงเวลากลางวันได้
“ถือว่าการปลดล็อกนั้นเป็นการช่วยเหลือภาพลักษณ์ของประเทศด้านการท่องเที่ยว ที่จะทำให้น้องเที่ยวเองมีความรู้สึกว่าได้มาท่องเที่ยว ก็มีความอิสระที่จะใช้ชีวิตในช่วงวันหยุด ได้อย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่ที่เข้ามาพักผ่อน เพราะจะไม่มีระยะเวลาฟันหลอ ในการงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งตรงนี้เอง จะกระตุ้นรายได้ให้กับการท่องเที่ยวในกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารได้มากขึ้น”

ขณะเดียวกันที่ผู้ประกอบการพยายามคัดค้านก่อนหน้านี้คือ กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ (พ.ศ. 2568) ที่เริ่มใช้เมื่อ 8 พ.ย.68 กำหนดให้ห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านค้าหรือสถานที่ขาย เพื่อการค้า นอกเวลาที่กำหนด (ช่วง 00:00-11:00 น. และ 14:00-17:00 น.) หากฝ่าฝืน ผู้ดื่มที่ "นั่งต่อ" หรือ "นั่งแช่" จะมีความผิด ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
“โดยกฎหมายเน้นย้ำเรื่องการห้ามดื่ม "หลังเที่ยงคืน" ในร้านทั่วไป แต่ปัจจุบันปรับให้นั่งดื่มได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง หลังจากหมดเวลาขาย ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกับผู้ประกอบการเช่นกันเพราะจะได้มีเวลาเคลียร์ลูกค้าออกจากร้าน หากหมดเวลาขายเที่ยงคืน แล้วนั่งดื่มต่อจะปรับเลยนั้น ก็ส่งผลกระทบเพราะไม่สามารถเคลียร์ลูกค้าออกร้านได้ทัน”
สำหรับที่มาของกฎหมาย ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ในเวลา 14.00 น.- 17.00 น. เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2515 เนื่องจากเป็นการแก้ปัญหาข้าราชการมักนิยมไปนั่งดื่มสุราสังสรรค์และส่งผลกระทบถึงบริการประชาชน แต่กฎหมายนี้ ส่งผลผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจร้านอาหารในยุคปัจจุบัน
ก่อนเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในรัฐบาลของ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ในการแก้กฎหมายนี้ หลังชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ในภาระกิจประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 2 กรกฏาคม 2568 จนนำมาสู่การปลดล็อก ได้ในรัฐบาลของ อนุทิน ชาญวีรกูล เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่เป็นการทดลองใช้ไปก่อน 180 วัน
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่า การปลดล็อกขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วง 14.00 - 17.00 น. ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2568 จะหนุนเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจ 1,000 -3,000 ล้านบาท และมูลค่ากว่า 10,000 - 20,000 ล้านบาทต่อปี โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว สถานบันเทิง และธุรกิจกลางคืน รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อย เช่น วิสาหกิจชุมชนที่ผลิตสุราชุมชน เป็นต้น
ขณะที่ชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ประเมินว่า การปลดล็อกเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการร้านอาหาร สถานบันเทิง สร้างรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20% จากพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่นิยมกินข้าวกลางวันในช่วงบ่าย และนิยมดื่มเบียร์หรือไวน์คู่กับมื้ออาหาร โดยเฉพาะสถานบันเทิงหรือธุรกิจกลางคืนจะได้รับประโยชน์จากมาตรการอย่างมาก เพราะมีสัดส่วนการใช้จ่ายด้านเครื่องดื่มกว่า 80% ของรายจ่ายรวมของมื้ออาหาร
ด้าน ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยผลการศึกษาความรอบรู้ด้านสุขภาพเกี่ยวกับนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประชาชนไทย ปี 2568 เปิดเผยผลการศึกษากลุ่มตัวอย่าง 3,924 คน ครอบคลุม 12 จังหวัดทั่วประเทศ ปี 2568 พบว่า ร้อยละ 82.8 เห็นด้วยกับการคงมาตรการจำกัดเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามที่กฎหมายกำหนดให้ขายได้เฉพาะเวลา 11.00 –14.00 น. และ 17.00 – 24.00 น.




