การยุบสภาเพิ่มแรงกังวล ทิศทางนโยบายเศรษฐกิจ-ดีลภาษีสหรัฐฯ อาจชะงักรอความชัดเจน
การยุบสภาที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันสร้างความกังวลวงกว้างต่อเสถียรภาพการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภารกิจสำคัญอย่างโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเจรจาภาษีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเด็นที่ภาคธุรกิจจับตามองอย่างใกล้ชิดว่าจะเดินหน้าต่อได้มากน้อยเพียงใดภายใต้รัฐบาลรักษาการ
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังประกาศยุบสภาว่า การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจหลายเรื่องอาจต้องชะลอรอความเห็นชอบและคำวินิจฉัยจากฝ่ายกฎหมาย โดยระบุว่า จำเป็นต้องรอฟังความเห็นจาก บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย รวมถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานเป็นไปตามกรอบอำนาจของรัฐบาลรักษาการ
ด้านความต่อเนื่องของโครงการ ‘คนละครึ่งพลัส เฟส 2’ นั้น เอกนิติ ระบุว่า ต้องรอการตีความจากฝ่ายกฎหมายและหารือกับ กกต. เช่นเดียวกับประเด็นสำคัญอย่างการเจรจาภาษีสหรัฐฯ ที่ไทยกำลังดำเนินอยู่ ต้องรอความชัดเจนว่ารัฐบาลรักษาการมีอำนาจพอที่จะเดินหน้าต่อหรือไม่
ด้านการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ รองนายกฯ ระบุว่า นายกรัฐมนตรียังไม่ได้เรียกประชุมเพิ่มเติม โดยสถานการณ์นี้ทำให้หลายฝ่ายจับตาว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองจะส่งผลอย่างไรต่อการประคับประคองเศรษฐกิจในระยะสั้น และการเจรจาที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ โดยเฉพาะดีลภาษีกับสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญด้านการแข่งขันของไทยในระยะต่อไป


