ยุบสภากลางศึกชายแดน–ดีลภาษีสะเทือนตลาด วรภัคชี้รัฐบาลอนุทินเข้าสู่โหมด “รักษาการ” อำนาจจำกัดแต่ยังสั่งการมั่นคงได้เต็ม
หลังการประกาศ ยุบสภาเมื่อคืนวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนทั้งแวดวงการเมืองและภาคธุรกิจในทันที ล่าสุด วรภัค ธัญวงษ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลอธิบาย “สถานะและอำนาจของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล” ที่เปลี่ยนผ่านสู่ รัฐบาลรักษาการ ท่ามกลางแรงกดดันทั้งจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาที่ทวีความตึงเครียด และการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ที่กำลังค้างคาอยู่บนโต๊ะ
รัฐบาลเข้าสู่โหมดรักษาการอย่างเป็นทางการ
วรภัค อธิบายว่า เมื่อ พ.ร.ฎ. ยุบสภามีผล ครม. ทั้งชุดถือว่าพ้นตำแหน่ง แต่ต้องอยู่ทำหน้าที่ต่อจนกว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ารับตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 167 ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ในสถานะ “Caretaker Government” ที่มีอำนาจจำกัดกว่าปกติ แต่ยังมีหน้าที่บริหารประเทศและดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริต
4 ข้อห้ามสำคัญของรัฐบาลรักษาการ (ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 169)
วรภัค ชี้ให้เห็นว่ากติกาในช่วงรักษาการมีความเข้มงวดเพื่อป้องกันการเอื้อประโยชน์ทางการเมือง ได้แก่
1. ห้ามอนุมัติโครงการใหญ่หรือก่อหนี้ผูกพันรัฐบาลหน้า
2. ห้ามโยกย้าย–แต่งตั้งข้าราชการระดับสูง เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจาก กกต.
3. ห้ามใช้งบกลาง เว้นแต่จำเป็นเร่งด่วนและต้องผ่าน กกต.
4. ห้ามใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อหาเสียง
แม้เป็นรัฐบาลรักษาการ แต่อำนาจด้านความมั่นคงยัง ‘เต็ม’
ในสถานการณ์ชายแดนที่ยังร้อนแรง วรภัคระบุว่า
• นายกรัฐมนตรี (รักษาการ) และรัฐมนตรีกลาโหมยังคงมีอำนาจเต็มในการ สั่งใช้กำลังทหารเพื่อป้องกันประเทศ
• สั่งอพยพประชาชน หรือประกาศพื้นที่ภัยพิบัติได้ทันที
• ไม่ต้องขอความเห็นชอบจาก กกต. ในเรื่อง “การปฏิบัติการด้านความมั่นคง”
สิ่งที่ทำไม่ได้คือ ลงนามสนธิสัญญาหรือข้อตกลงเขตแดนระยะยาว ซึ่งจะผูกพันรัฐบาลชุดใหม่
ดีลภาษี-การค้ากับสหรัฐฯ ส่อสะดุด
วรภัค วิเคราะห์ว่า แม้การพูดคุยเชิงเทคนิคยังดำเนินต่อได้ แต่รัฐบาลรักษาการ
• ไม่สามารถลงนาม FTA หรือข้อตกลงการค้าที่มีผลผูกพันได้
• คู่เจรจาอย่างสหรัฐฯ มักชะลอการเจรจาเมื่อคู่เจรจากำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง
• ส่งผลให้ดีลภาษี ‘ถูกแช่แข็ง’ ไปโดยปริยาย
ประเด็นนี้อาจส่งผลต่อตลาดการค้าและความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะสั้น โดยเฉพาะภาคส่งออกที่อยู่ในช่วงฟื้นตัว
บทบาทของ กกต. กลายเป็นจุดโฟกัสสำคัญ
วรภัค เตือนว่า หากสถานการณ์ชายแดนลุกลาม รัฐบาลอาจจำเป็นต้องขอใช้งบกลางฉุกเฉิน ซึ่งต้องรอความเห็นชอบจาก กกต. จึงต้องจับตามองว่ากระบวนการจะเร็วเพียงใดหรือจะกลายเป็นประเด็นการเมืองเพิ่มเติม
ไทม์ไลน์เลือกตั้งใหม่ โอกาสสูงสุด 8 ก.พ.69
ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 103 การเลือกตั้งต้องจัดภายใน 45-60 วัน หลังยุบสภา ทำให้ช่วงวันเลือกตั้งที่เป็นไปได้คือ วันที่ 25 ม.ค. - 9 ก.พ. 2569 โดยวันที่มีความเป็นไปได้สูงที่สุดคือ วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ซึ่งจะเปิดให้พรรคการเมืองหาเสียงใกล้ครบ 60 วันเต็ม


