บล.กรุงศรี คงมุมมองตามบทวิเคราะห์ Thailand Equity Strategy 3Q/2568 ว่า “ตลาดหุ้นไทยน่าจะพ้นจุดต่ำสุดแล้ว” โดยเชื่อว่าช่วงไตรมาส 3 นี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ จากภาวะ “Deep Value” สู่การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
SET อยู่ในโซน Deep Value – สะสมเพื่อระยะยาว
SET Index ปรับตัวลงแล้วกว่า -20.7% ตั้งแต่ต้นปี ทำให้ตลาดเข้าสู่ระดับ “Deep Value” ขณะที่ ค่า Equity Risk Premium (ERP) พุ่งแตะ 6% (เทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 3.53%) ซึ่งเป็นระดับที่ในอดีตมักเป็น “จุดกลับตัว” โดยจากการศึกษา พบว่าเมื่อนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นในวันที่ ERP แตะระดับ 6% มักจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยในระยะ 3 เดือน, 1 ปี และ 2 ปี อยู่ที่ +20%, +63% และ +101% ตามลำดับ
ปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทย
• ราคาน้ำมัน แม้ผันผวนจากความตึงเครียดอิสราเอล–อิหร่าน แต่หากไม่ทะลุ 95 ดอลลาร์/บาร์เรล จะยังไม่กระทบต่อ EPS ของตลาดไทย
• เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว โดยเฉพาะกลุ่ม Emerging Markets ในเอเชีย ที่เริ่มพ้นวิกฤตสงครามภาษีและความผันผวน
• แนวโน้มดอกเบี้ยขาลงทั่วโลก โดย FED และธนาคารกลางตลาดเกิดใหม่เตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในไทย คาดว่าธปท.จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในครึ่งปีหลัง สู่ระดับ 1.25%
• เศรษฐกิจไทยยังมี Upside แม้ตลาดมอง GDP ปี 2568 จะโตเพียง 1.3–1.8% แต่หากไม่ต่ำกว่ากรอบนี้ จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด (Krungsri คาด GDP ปีนี้โต 2.1%)
Fund Flow เริ่มกลับสู่ตลาด Laggard
กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บล.กรุงศรีฯ ระบุว่า “ตลาดไทยเริ่มเห็นสัญญาณ Fund Inflow กลับเข้าสู่ตลาดที่มี Valuation ต่ำและ Laggard อย่างไทยและจีน โดยคาดว่า ASIA Dollar จะเริ่มแข็งค่าต่อเนื่องในช่วง 18 เดือนข้างหน้า”
ความเสี่ยงที่ต้องจับตา
1. สถานการณ์ตะวันออกกลาง หากลุกลาม อาจดันราคาน้ำมันเกิน 95 ดอลลาร์ฯ
2. ไทยอาจเจรจาลดภาษีกับสหรัฐฯ ได้น้อยกว่าคู่แข่งในอาเซียน
3. ความไม่แน่นอนทางการเมือง อาจกระทบกระบวนการงบประมาณปี 2569
กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 3/2568
KSS ปรับเป้า SET ปีนี้ลงเหลือ 1,370 จุด (จากเดิม 1,418 จุด) แต่ยังคงเชื่อมั่นว่าตลาดจะ “ค่อยๆ ฟื้น” โดยมีกรอบแนวรับที่ 1,053/1,000 จุด และแนวต้านที่ 1,250/1,300 จุด พร้อมแนะนำ 4 ธีมหลักในการลงทุน:
1. ดอกเบี้ยขาลง → ลงทุนในหุ้นกลุ่มลงทุนใหม่ (New CAPEX Cycle)
2. Reopening Trade
3. Resilient Business & Seasonal Plays
4. Value Plays
หุ้นเด่นไตรมาส 3/2568
• Large Cap: ADVANC, TRUE, GULF, MTC, BDMS, CENTEL, PTTGC, IVL, CPALL, WHA
• Mid-Small Cap: BCH, AMATA, ERW
• หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: GULF, KTC, CPALL