SCB CIO มองตลาดหุ้นอินเดียยังไม่ใช่จังหวะลงทุน ด้านหุ้นไทยรับอานิสงส์จากฟันด์โฟลว์ไหลเข้า แนะจับตากลุ่มหุ้นบิ๊กแคป SET มีลุ้นพุ่งต่อ แตะ 1,300 จุด
“อินเดียกลายเป็นสมรภูมิการค้ารอบใหม่” — ชาตรี โรจนอาภา CFA, FRM Head of Investment Consultant SCB CIO ธนาคารไทยพาณิชย์ มองว่าท่าทีแข็งกร้าวของอินเดียต่อสหรัฐฯ ในช่วงที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศนโยบาย “ภาษีนำเข้า 100%” สำหรับสินค้ากลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และยา มีนัยสำคัญต่อทิศทางการค้าโลก โดยเฉพาะต่อประเทศที่สหรัฐฯ คาดหวังให้เป็นพันธมิตรในการจำกัดบทบาทจีน
“อินเดียมีบทบาทสำคัญในยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ แต่ท่าทีล่าสุดของนิวเดลีที่ดูแข็งกร้าวกลับสร้างความแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้ อินเดียเองก็ยังพยายามเจรจาและรักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ อยู่”
ชาตรี เชื่อว่าความขัดแย้งดังกล่าวจะไม่ยุติลงในระยะสั้น เนื่องจากสหรัฐฯ ต้องการให้อินเดีย “ลดการพึ่งพาน้ำมันรัสเซีย” ขณะเดียวกัน อินเดียก็จะต้องแสดงท่าทีบางอย่างเพื่อแลกกับการผ่อนคลายนโยบายภาษีนำเข้า ซึ่งเป็นเกมการเมืองการค้าระดับโลกที่ยังอยู่ในระยะเจรจา
“สุดท้ายอาจจะจบที่อินเดียยอมลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียบางส่วน แลกกับการที่สหรัฐฯ ยอมผ่อนปรนภาษี แต่ไม่ใช่ข้อสรุปที่สหรัฐฯ จะได้ทุกอย่างอย่างที่ต้องการ เพราะหากโอนอ่อนมากเกินไป อาจเป็นการส่งสัญญาณให้จีนหันไปหาทางเลือกอื่น”
ตลาดหุ้นอินเดียยังไม่ใช่จังหวะลงทุน–Valuation ยังแพง
เมื่อวิเคราะห์ตลาดหุ้นอินเดีย ชาตรีมองว่าตลาดหุ้นอินเดียยังไม่น่าสนใจในช่วงนี้ ความคาดหวังการเติบโตของผลกำไรบริษัทจดทะเบียนเริ่มชะลอลงตั้งแต่ก่อนเกิดข่าวภาษีเสียอีก ขณะที่ราคาหุ้นยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแพง เมื่อเทียบกับศักยภาพการฟื้นตัวของผลประกอบการ โดยเฉพาะในภาวะที่ความไม่แน่นอนยังสูงจากสถานการณ์สงครามและนโยบายการค้าระดับโลก
“Valuation หุ้นอินเดียยังแพงในระดับใกล้เคียงกับหุ้นเทคโนโลยี ขณะที่กำไรยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน ผมมองว่าอยู่ในโหมด Wait-and-See มากกว่าในช่วงนี้”
หุ้นไทยเริ่มฟื้น–ฟันด์โฟลว์ไหลเข้า แนะจับหุ้นบิ๊กแคป
สำหรับตลาดหุ้นไทย ชาตรีระบุว่าเริ่มมีสัญญาณบวกมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยมีแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมืองที่คลี่คลาย และการไหลกลับเข้ามาของกระแสเงินทุนต่างชาติ (fund flow) ซึ่งถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยผลักดันดัชนีให้กลับมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
“ต้องบอกว่าตลาดหุ้นไทยเริ่มฟื้น ไม่ได้มาจากรากฐานเศรษฐกิจของไทย แต่เพราะฟันด์โฟลว์กลับเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ แม้ฟันดาเมนทัลจะยังไม่แข็งแกร่งนัก แต่เซนติเมนต์โดยรวมก็ดีขึ้นจากช่วงก่อนหน้า”
ชาตรีมองว่าหากเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ที่อยู่ในระดับ All-Time High แล้ว หุ้นไทยยังมีโอกาส “เกาะกระแส” ได้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ (large cap) ที่มักเป็นเป้าหมายหลักของเงินทุนต่างชาติที่เข้ามาในระยะสั้น
“ถ้าจะเกาะจังหวะฟันด์โฟลว์ ต้องโฟกัสหุ้นบิ๊กแคปที่มีสภาพคล่องสูง เช่น DELTA, GULF, AOT เพราะนักลงทุนต่างชาติเข้า-ออกเร็ว เขาไม่เล่นหุ้นขนาดกลางหรือเล็กที่มีความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง”
ทั้งนี้ หุ้นขนาดกลางและเล็กที่นักลงทุนรายย่อยไทยนิยมลงทุนอาจยังไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของฟันด์โฟลว์ในรอบนี้
เป้าหมาย SET Index ปีนี้–ยังมีโอกาสแตะ 1,300 จุด
แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะยังไม่ได้ฟื้นจากฐานเศรษฐกิจในเชิงลึก แต่นายชาตรีเชื่อว่าการเกาะโมเมนตัมจากฟันด์โฟลว์ที่เข้ามาจะช่วยหนุนดัชนีได้ต่อเนื่อง โดยมองว่ามีโอกาสที่ SET Index จะไต่ระดับกลับไปที่ 1,300 จุดได้ หากกระแสการลงทุนยังคงต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง