SCB มอง Fed ลดดอกเบี้ยเอื้อตลาดหุ้น-ตราสารหนี้ ขณะที่คริปโตเคอเรนซี่ได้แรงหนุนจากสหรัฐฯ และทองคำยังเป็นสินทรัพย์ยุทธศาสตร์ในระยะยาว ส่วนหุ้นไทยฟื้นตัวจาก Sentiment ต่างชาติแต่ต้องระวังแรงขายทำกำไร
หุ้นสหรัฐฯ–เทคโนโลยีเด่น รับงบ Q2 สดใส
ชาตรี โรจนอาภา CFA, FRM Head of Investment Consultant, SCB CIO ธนาคารไทยพาณิชย์ระบุว่า งบไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี ส่งผลให้ประมาณการกำไรดัชนี S&P 500 ถูกปรับขึ้น แม้จะกระจุกตัวอยู่ในหุ้นขนาดใหญ่ แต่ก็ช่วยให้ Valuation ตลาดปรับลงเล็กน้อย ทำให้ตลาดยังมีแรงขับเคลื่อนต่อเนื่อง
หากเฟดลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นชัดเจน โดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่ถดถอยและเงินเฟ้ออยู่ในกรอบควบคุม
ตลาดตราสารหนี้–ยีลด์มีแนวโน้มลดลง
ชาตรี ระบุว่า แม้เฟดจะลดดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในสองครั้งที่ผ่านมา แต่หากเงินเฟ้อในเดือนถัดไปไม่ปรับสูงเกินคาด จะเป็นปัจจัยบวกต่อพันธบัตร เพราะยีลด์มีโอกาสปรับตัวลง นักลงทุนสามารถใช้จังหวะนี้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้
คริปโทฯ–ได้แรงหนุนจากกฎหมายและสถาบันการเงินสหรัฐฯ
สำหรับตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ชาตรีมองว่า ปัจจุบันให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนและกรอบกฎหมายมากกว่าประเด็นดอกเบี้ย หลังสหรัฐฯ ผ่านกฎหมายสนับสนุนและเปิดทางให้บริษัทใหญ่ รวมถึงธนาคารและผู้ให้บริการชำระเงินรายสำคัญ เข้าลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดคริปโทฯ ได้แรงขับเคลื่อนจากฝั่งนโยบายและการใช้งานจริง แม้ยังคงมีความเสี่ยงสูง
‘ทองคำ’ ระยะสั้นถูกกดดันจากข่าวสงคราม แต่ระยะยาวยังเป็นขาขึ้น
ส่วนสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ชาตรีมองว่า ยังได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลง แต่ระยะสั้นอาจถูกกดดันจากความคืบหน้าในการเจรจาสงครามรัสเซีย–ยูเครน หากสถานการณ์ผ่อนคลายราคาทองคำอาจปรับฐานลง
อย่างไรก็ตาม มุมมองระยะยาวยังเป็นบวก เนื่องจากธนาคารกลาง โดยเฉพาะจีน มีแนวโน้มขายพันธบัตรสหรัฐฯ เพื่อนำเงินซื้อทองคำ เพื่อเสริมความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจและลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ ทำให้ทองคำยังมีโอกาสเติบโตต่อ โดยมองว่าในอนาคตจะเห็นการแข่งขันระหว่าง “ทองคำ” ในฝั่งตะวันออก และ “สินทรัพย์ดิจิทัล” ในฝั่งตะวันตก
หุ้นไทย–ฟื้นจากแรงซื้อเงินร้อนต่างชาติ
สำหรับตลาดหุ้นไทย ชาตรีระบุว่า การปรับขึ้นของดัชนีในช่วงที่ผ่านมาเป็นผลจากการฟื้นตัวของความเชื่อมั่น หลัง กนง. ลดดอกเบี้ย และความคืบหน้าของประเด็นการเมืองในประเทศ รวมถึงการที่ตลาดหุ้นไทยยังมีผลตอบแทนติดลบเมื่อเทียบกับภูมิภาค ทำให้เป็นจุดสนใจของนักลงทุนต่างชาติ
อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวครั้งนี้ขับเคลื่อนด้วย “เซนติเมนต์” มากกว่าปัจจัยพื้นฐาน เพราะกำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 ยังไม่เติบโตชัดเจน จึงควรระวังแรงขายทำกำไร โดยเฉพาะเม็ดเงินจากต่างชาติที่มีลักษณะเป็นเงินร้อนและเคลื่อนไหวรวดเร็ว
