วทัญ จิตตน์สำนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยยังถูกจำกัดจากปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศที่โตต่ำ ขณะที่การปรับขึ้นของดัชนีในช่วงที่ผ่านมาเป็นผลจาก “แรงหนุนเฉพาะตัวของ DELTA” มากกว่าการฟื้นตัวของตลาดโดยรวม พร้อมเตือนนักลงทุนให้มองภาพความจริงของเศรษฐกิจ ไม่หลงกับ “เศรษฐกิจของ AI” ที่กำลังขับเคลื่อนตลาดโลก
หุ้นไทยบวกเพราะ “DELTA” แบกตลาด แต่เศรษฐกิจจริงยังซบเซา
วทัญระบุว่า การที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวบวกขึ้นราว 9 จุดในวันก่อนหน้า ส่วนใหญ่เป็นผลจากราคาหุ้น DELTA ที่ดีดตัวแรงกว่า 20 บาท ส่งผลบวกต่อดัชนีอย่างมีนัยสำคัญ หากไม่รวมผลของ DELTA ดัชนีโดยรวมอาจติดลบ
“ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยเหมือนบวกด้วย DELTA ตัวเดียว ถ้าเอาออก ตลาดจริงๆ คงติดลบ พร้อมชี้ว่าแรงขายในหุ้นกลุ่มบริโภค กลุ่มแบงก์ และกลุ่มโรงแรมสะท้อนความกังวลของนักลงทุนต่อปัจจัยอ่อนไหวในประเทศ หลังเกิดข่าวขอความร่วมมืองดจัดงานรื่นเริง ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นระยะสั้น”
ทั้งนี้ มองว่าความกังวลดังกล่าวเป็นเพียง “ปัจจัยชั่วคราว” และไม่มีผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจหรือผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในระยะยาว
เศรษฐกิจโตต่ำ–บริโภคหด–สินเชื่อไม่ขยาย: สะท้อนภาพตลาดที่อ่อนแรง
วทัญกล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตเพียง 1–2% และปีหน้าก็มีแนวโน้มอยู่ในกรอบเดียวกัน โดยยังไม่เห็นแรงฟื้นจากการบริโภคหรือการท่องเที่ยว เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนกลับมาน้อย และกำลังซื้อในประเทศยังเปราะบาง
วทัญยังเตือนว่า การส่งออกที่ดูผิดปกติเดือนกันยายนเพียงเดือนเดียวโตถึง 65% ทั้งปีตลอดทั้งปีโตเพียง 5% ซึ่งมองว่าอาจเป็น“ภาพลวงตา” เพราะส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจาก การสวมสิทธิ์การส่งออก มากกว่าการฟื้นตัวแท้จริงของภาคการผลิตไทย
วันนี้เรากำลังเจอการสวมสิทธิ์การส่งออก ตัวเลขสวยแต่เงินไม่ตกถึงมือประชาชน การบริโภคและสินเชื่อเลยยังซบเซา
— วทัญ จิตตน์สำนึก
“เศรษฐกิจของ AI” ดันตลาดโลก แต่ไม่สะท้อนเศรษฐกิจจริง
วทัญเปรียบเทียบว่า วันนี้ตลาดโลกถูกขับเคลื่อนด้วย “เศรษฐกิจของ AI” ที่เติบโตในโลกของเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ แต่เศรษฐกิจจริงของผู้บริโภคกลับไม่แข็งแรง
“สมัยก่อนเศรษฐกิจโต หุ้นขึ้น แต่วันนี้ต่างกัน เศรษฐกิจจริงยังไม่ดี แต่เศรษฐกิจของ AI กลับโตแรง นี่คือความบิดเบี้ยวของตลาดยุคใหม่
— วทัญ จิตตน์สำนึก
นอกจากนี้แนะนำให้นักลงทุนแยกแยะระหว่าง “ราคาหุ้น” กับ “เศรษฐกิจจริง” และกระจายพอร์ตลงทุนอย่างมีเหตุผล โดยเฉพาะในสินทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ ไม่ใช่เพียงกระแส AI
พ.ย.–ธ.ค. สถิติหนุนตลาดไทยอาจฟื้น: ชูหุ้น “แบงก์–คอนซูเมอร์” เก็บช่วงอ่อนตัว
แม้ระยะสั้นตลาดไทยจะเผชิญแรงกดดันจากข่าวอ่อนไหวในประเทศ แต่ วทัญ มองว่า ช่วงเดือนพฤศจิกายน–ธันวาคมมีโอกาสฟื้นตัวตามสถิติเดิมของตลาด โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น “คนละครึ่ง” หรือมาตรการลดค่าครองชีพ
วทัญประเมินดัชนีสิ้นปีอาจขยับสู่ระดับ 1,350–1,380 จุด หากมาตรการออกมาทันเวลา และดอกเบี้ยในประเทศเริ่มเป็นขาลง
ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำให้นักลงทุนถือหุ้นกลุ่ม ธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะ SCB ซึ่งมีปันผลสูงถึง 8–10% ต่อปี และเหมาะกับการถือระยะกลาง–ยาว
ขณะเดียวกัน กลุ่ม คอนซูเมอร์ เช่น CPALL หรือ CPN ที่ปรับฐานจากข่าวอ่อนไหวในประเทศ ถือเป็น “จังหวะสะสม” สำหรับนักลงทุนระยะสั้น
ตลาดโลกจับตาทรัมป์–สีจิ้นผิง แต่ “พื้นฐานกำไรบริษัทสหรัฐฯ” คือของจริง
สำหรับตลาดโลก วทัญมองว่าการพบกันระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ และ สีจิ้นผิง เป็นเพียงปัจจัยเชิงจิตวิทยา (Sentiment) ระยะสั้น ขณะที่สิ่งสำคัญจริงๆ คือ ผลประกอบการของบริษัทสหรัฐฯ ที่ยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 60% ของบริษัทใน S&P500 มียอดขายดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
“นี่คือเจ้ามือตัวจริงของตลาด เพราะกำไรยังขยายต่อ นักลงทุนจึงยังมั่นใจในตลาดสหรัฐฯ” วทัญกล่าว พร้อมย้ำว่า หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ เช่น NVIDIA, Google, Microsoft และ Apple ยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของตลาดโลก
กลยุทธ์ลงทุนต่างประเทศ: “เลือกหุ้นเทคสหรัฐฯ” ดีกว่าจีน
วทัญมองว่าหากจะลงทุนในหุ้น AI ควรเลือกฝั่งสหรัฐฯ มากกว่าจีน เนื่องจากบริษัทเทคสหรัฐฯ มีโมเดลธุรกิจและผลกำไรที่ชัดเจนกว่า
“ผมเลือกจ่าย P/E 30 เท่าให้ Google ดีกว่าจ่าย 42 เท่าให้ DELTA เพราะเห็นศักยภาพและความยั่งยืนกว่า พร้อมแนะนำให้นักลงทุน “ทยอยซื้อ” แบบแบ่งไม้ หากราคายังอยู่ในระดับสูง เพื่อจำกัดความเสี่ยงจากการย่อตัวในระยะสั้น” วทัญกล่าวเพิ่มเติม
ทองคำ “ขึ้นแรงเกินพื้นฐาน” วทัญชี้นักลงทุนแห่ซื้อเพราะกลัวตกรถ
ในส่วนของทองคำ วทัญประเมินว่า ราคาทองคำที่พุ่งขึ้นกว่า 53% ตั้งแต่ต้นปี ถือว่า “มากเกินค่าเฉลี่ยระยะยาว” ที่ปกติอยู่ราว 10% ต่อปี
“ทองคำขึ้นแรงเพราะความกลัว ไม่ใช่พื้นฐาน” วทัญกล่าว พร้อมย้ำว่าไม่แนะนำให้ถือทองคำในระยะยาว เนื่องจากวิเคราะห์เชิงพื้นฐานได้ยาก ต่างจากหุ้นที่สามารถประเมินมูลค่าจากงบการเงินและกำไรได้ชัดเจนกว่า
ผมไม่ถือทองในพอร์ต เพราะมันวิเคราะห์ไม่ได้เหมือนหุ้น
— วทัญ จิตตน์สำนึก
สรุปกลยุทธ์การลงทุนโดย “วทัญ จิตตน์สำนึก”
• ระยะสั้น: เก็งกำไรหุ้นกลุ่มคอนซูเมอร์ที่อ่อนตัวจากปัจจัยข่าวภายในประเทศ
• ระยะกลาง–ยาว: ถือหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะ SCB รับปันผล 8–10%
• ต่างประเทศ: เน้นหุ้นเทคสหรัฐฯ (AI) เช่น Google, Microsoft, NVIDIA
• ทองคำ: ไม่แนะนำลงทุนระยะยาว มองราคาปรับขึ้นแรงเกินพื้นฐาน


