กรุงศรีชี้ “เครดิตมาร์เก็ตเริ่มเปราะบาง” หนุนเฟดลดดอกเบี้ย–หุ้นไทยฟื้นเหนือ 1,300 จุด

6 ต.ค. 2568 - 04:11

  • SET ใกล้จุดฟื้นตัวเชิงเทคนิค หลังรับข่าวร้ายด้านดอกเบี้ยไปมากแล้ว

  • ต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อสุทธิ โดยเน้นหุ้น Domestic Play ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค

  • กลุ่มเด่น Q4: พลังงาน–ธนาคาร–ค้าปลีก รับอานิสงส์งบประมาณใหม่และเงินหมุนเวียนในระบบ

กรุงศรีชี้ “เครดิตมาร์เก็ตเริ่มเปราะบาง” หนุนเฟดลดดอกเบี้ย–หุ้นไทยฟื้นเหนือ 1,300 จุด

“กรภัทร วรเชษฐ์” หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีแนวโน้ม “Sideways/Up” โดยคาดกรอบดัชนี SET เคลื่อนไหวระหว่าง 1,280–1,312 จุด ได้แรงหนุนจากแนวโน้ม ดอกเบี้ยขาลงทั่วโลก และกระแสเงินทุนต่างชาติที่เริ่ม ไหลกลับเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ (EM Flows) อย่างมีนัยสำคัญ

SET มีโอกาสยืนเหนือ 1,300 จุด จากแรงหนุน “ดอกเบี้ยขาลง”

กรภัทรระบุว่า การปรับตัวลดลงของ ดัชนี ISM Services PMI เดือนกันยายน เหลือเพียง 50 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ “Late Cycle” ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งภายในปีนี้

อีกทั้งความเสี่ยงจาก Government Shutdown ที่อาจยืดเยื้อถึง 21 วัน ยังเป็นแรงกดดันต่อฝั่งนโยบายการคลัง และหนุนให้ Bond Yield ปรับตัวลง ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่าต่ำกว่า 98 จุด ส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนเริ่มกลับเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะ จีนและเกาหลีใต้

“สัปดาห์ล่าสุดกระแสเงินทุนที่ไหลเข้า EM Asia เริ่มเร่งตัวขึ้น สะท้อนการเปลี่ยนโครงสร้างการลงทุนจากกลุ่ม Growth-led (อินเดีย–ไต้หวัน) มาสู่กลุ่ม Value/Commodities และ Tech-led (จีน–เกาหลีใต้)” กรภัทรกล่าว

“เครดิตมาร์เก็ต” สะท้อนรอยร้าว หลัง First Brands ล้มละลาย

อีกประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาคือ ตลาดตราสารหนี้สหรัฐฯ (Credit Market) ซึ่งเริ่มมีสัญญาณเปราะบาง หลังบริษัท First Brands Group ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ที่มีหนี้สินกว่า 5.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ยื่นขอล้มละลาย แม้จะเป็นกรณีเฉพาะตัว แต่กรภัทรมองว่าเป็น “สัญญาณเตือน” ของความเปราะบางเชิงโครงสร้างในระบบการเงิน ซึ่งจะกลายเป็นแรงกดดันให้ เฟดเร่งลดดอกเบี้ย เพื่อป้องกันการลุกลาม

“กรณี First Brands สะท้อนให้เห็นว่าระบบเครดิตเริ่มมีรอยร้าว แม้ตลาดโดยรวมยังแข็งแรง แต่จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เร่งให้เฟดต้องกลับมาผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วขึ้น” กรภัทรระบุ

ปัจจัยในประเทศเริ่มหนุน Fund Flow กลับเข้าตลาดไทย

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ มีสัญญาณบวกต่อเนื่องจากการ ฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนในช่วง Golden Week ที่เดินทางเข้าไทยวันละกว่า 22,000–23,000 คน มากกว่าค่าเฉลี่ยปกติเท่าตัว

นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อเดือนกันยายน คาดติดลบที่ -0.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน (yoy) ซึ่งอยู่ใกล้จุดต่ำสุด และเพิ่มโอกาสให้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 8 ตุลาคมนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

รวมถึง คณะรัฐมนตรี (ครม.) เตรียมออกชุดมาตรการ “Quick Win” กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนในหุ้นกลุ่มค้าปลีกและการบริโภค

ปัจจัยต่างประเทศยังหนุนพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์

ด้านราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการที่ OPEC+ เพิ่มกำลังการผลิตเพียง 137,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งสอดคล้องกับคาดการณ์ ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยปรับลดราคาน้ำมันในประเทศ 0.50 บาท/ลิตร จากการลดภาษีเชื้อเพลิง หลังยอดขาดดุลกองทุนน้ำมันลดเหลือเพียง 0.6 พันล้านดอลลาร์ ถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและค้าปลีก เช่น OR, PTTGC, TOP, CPALL, BJC

จีนเดินหน้า “Anti-involution” หนุนอุตสาหกรรมมูลค่าสูง

ส่วนจีนเริ่มเดินหน้านโยบายเศรษฐกิจเชิงคุณภาพ “Anti-involution” อย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้น Value Creation, ควบคุมมลพิษ และจำกัดการผลิตเกินจำเป็น ซึ่งจะเป็นบวกต่ออุตสาหกรรม High Value และ Clean Production ในภูมิภาค เช่น PTTGC, TOP, IVL, PTT

กลยุทธ์การลงทุน: เน้นหุ้นอิงดอกเบี้ยขาลง–ค้าปลีก–พลังงานต้นน้ำ

กรภัทรแนะนำให้นักลงทุนเน้นกลยุทธ์ “Domestic Deep Value + หุ้นอิงดอกเบี้ยขาลง” โดยมองว่าพอร์ตลงทุนระยะสั้นยังมี Upside จากกระแส Fund Flow และแรงหนุนเชิงนโยบาย (Policy Tailwind)

หุ้นเด่นแนะนำวันนี้ ได้แก่

• CPALL, CPAXT : ได้อานิสงส์จากการบริโภคฟื้นและนโยบายลดค่าครองชีพ

• MTC : ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง หนุนส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ฟื้นตัว

• GULF : ได้แรงหนุนจากธีมดอกเบี้ยขาลงและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์