บริษัท ไอเดียแล็บ จำกัด (IdeasLabs) บริษัทมาร์เทคสัญชาติไทย วิเคราะห์ปรากฏการณ์ ‘เจนนี่ไลฟ์’ ว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการ Live Commerce และ Influencer Marketing ในประเทศไทย เมื่อแบรนด์เริ่มใช้ ‘ยอดขายจริง’ เป็นเกณฑ์หลักในการจ่ายค่าตัวอินฟลูเอนเซอร์ แทนการวัดด้วยยอดผู้ติดตามหรือกระแสความนิยม
ธนดล พิทยานุวัฒน์ กรรมการบริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท เปิดเผยว่า ‘เจนนี่ไลฟ์’ ได้สร้างบทพิสูจน์ใหม่ให้กับอุตสาหกรรม ว่าความสำเร็จของ KOL ไม่ได้อยู่ที่เสียงเชียร์ แต่อยู่ที่ Conversion Rate หรือ ความสามารถในการเปลี่ยนผู้ชมเป็นผู้ซื้อ ซึ่งสะท้อน ROI (ผลตอบแทนจากการลงทุน) ได้อย่างชัดเจน
“โมเดลค่าตัวแบบ Fixed Rate บวก Commission กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ เพราะแบรนด์ต้องการเห็นผลลัพธ์วัดได้จริง ขณะที่ KOL เองต้องเปลี่ยนบทบาทจากผู้รีวิว มาเป็นนักขายมืออาชีพที่เข้าใจผู้บริโภคและเล่าเรื่องสินค้าได้อย่างมีอิทธิพล”
— ธนดล กล่าว

3 แนวทาง ‘KOL ยุคใหม่’ ต้องปรับตัว
1. ค่าตัวสมเหตุสมผล (Value per Follower) : KOL ต้องคำนวณอัตราผลตอบแทนจากยอดขายจริง ไม่ตั้งเรทสูงเกินมูลค่าที่สร้างได้
2. รายได้โปร่งใสและหลากหลาย : เปิดโมเดล Fixed + Commission เพื่อให้แบรนด์และ KOL ได้ประโยชน์ร่วมกัน
3. เรียนรู้เทรนด์แพลตฟอร์ม : เข้าใจอัลกอริทึมที่เปลี่ยนเร็ว และปรับกลยุทธ์ให้ขายได้โดยไม่พึ่งแพลตฟอร์มมากเกินไป
แบรนด์ต้องคำนวณ ‘จุดคุ้มทุน’ ก่อนจ้าง KOL
ธนดล ระบุว่า แบรนด์ยุคใหม่ต้องเปลี่ยนแนวคิดจาก “จ้างเพื่อกระแส” เป็น “จ้างเพื่อผลตอบแทน” โดยนำหลักการ Break-Even Point มาคำนวณจุดคุ้มทุนระหว่างต้นทุนสินค้า ค่าคอมมิชชัน และค่าจ้าง KOL เพื่อให้ทุกบาทที่ลงทุนสร้างกำไรสุทธิได้จริง
“Live Commerce ไม่ใช่เพียงช่องทางขายของแบบไวรัล แต่คือสนามกลยุทธ์ที่วัดกันด้วยข้อมูล ความเข้าใจลูกค้า และการเล่าเรื่อง ใครเข้าใจเกมนี้ก่อน จะเป็นผู้นำตลาดได้ก่อน”
— ธนดล กล่าว
ด้าน นักวิเคราะห์มองว่า ‘ปรากฏการณ์เจนนี่ไลฟ์’ เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Performance Marketing เต็มรูปแบบ ในอุตสาหกรรมคอนเทนต์และรีเทลออนไลน์ไทย ซึ่งจะส่งผลต่อโครงสร้างค่าตัวของ KOL และโมเดลธุรกิจดิจิทัลในระยะยาว


