จากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ทวีความตึงเครียดในช่วงเดือนที่ผ่านมา ไม่เพียงกระทบด้านความมั่นคง หากยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะธุรกิจรายย่อยอย่างสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ใน ต.บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่ถูกลูกระเบิด BM21 ยิงจากฝั่งกัมพูชาตกลงในพื้นที่ จนต้องปิดกิจการชั่วคราวกว่า 3 เดือน และเกิดความเสียหายหนักกว่า 21 ล้านบาท
วันนี้ (4 ส.ค. 2568) กระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้รับหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมจาก กมลรัตน์ พลเศรษฐเลิศ เจ้าของสถานีบริการน้ำมันผู้เสียหาย พร้อมร่วมหารือเพื่อหาแนวทางเยียวยาทางเศรษฐกิจโดยเร่งด่วน
คปภ.ย้ำ ‘ไม่ใช่ภัยสงคราม’ ประกันต้องจ่าย
คณานุสรณ์ เที่ยงตระกูล ผู้ช่วยเลขาธิการสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ คปภ. เปิดเผยว่า แม้ในเงื่อนไขของกรมธรรม์จะยกเว้นความคุ้มครองในกรณี ‘สงคราม’ หรือ ‘การรุกราน’ แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ยังอยู่ในลักษณะของ ‘การปะทะ’ ไม่ใช่สงครามอย่างเป็นทางการ ดังนั้นบริษัทประกันภัยจึงยังมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบจ่ายค่าสินไหมตามสัญญา

พลังงานประสาน OR เยียวยา - ขอยืดหยุ่นเรื่องหนี้ธนาคาร
พันเอก เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเร่งประสานกับผู้บริหารของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เพื่อหาแนวทางสนับสนุนและเยียวยาเพิ่มเติม เช่น การผ่อนผันหนี้ การช่วยลงทุนซ่อมแซม หรือสนับสนุนทุนหมุนเวียนเบื้องต้น
“นี่เป็นเหตุสุดวิสัยที่ผู้ประกอบการไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ รัฐบาลไม่อาจเพิกเฉยต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยตรงต่อชีวิตความเป็นอยู่และเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดน”
— พันเอก เฟื่องวิชชุ์ กล่าว

ผู้ประกอบการทุกข์หนัก - เรียกร้องรัฐอย่าทอดทิ้ง
ด้าน กมลรัตน์ เจ้าของสถานีบริการน้ำมัน กล่าวว่า ต้องแบกรับความเสียหายทั้งตัวอาคาร ปั๊ม ร้านสะดวกซื้อ และค่าใช้จ่ายจากการหยุดกิจการกว่า 3 เดือน ขณะเดียวกันยังคงมีภาระชำระหนี้เงินกู้กับธนาคารที่ไม่สามารถผ่อนต่อได้ จึงขอให้รัฐเร่งหาแนวทางฟื้นฟูอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะธุรกิจที่อยู่แนวชายแดนซึ่งเป็น ‘แนวหน้า’ ของผลกระทบจากความไม่มั่นคง
