กมธ.เศรษฐกิจเร่งปรับกฎหมายแข่งขันทางการค้า สกัดการผูกขาดแพลตฟอร์มต่างชาติ เสนอสร้างเครือข่าย Open Commerce หนุนผู้ค้าไทย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่การเติบโตนี้กลับทำให้เกิดคำถามสำคัญต่อ “ความเป็นธรรมทางการแข่งขัน” โดยเฉพาะเมื่อผู้เล่นต่างชาติรายใหญ่เข้ามาครอบครองตลาดไทยในสัดส่วนสูง ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs และผู้ค้ารายย่อย ประสบปัญหาความเหลื่อมล้ำและถูกกีดกันทางการแข่งขัน
เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ได้เร่งพิจารณาการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ ร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า ซึ่งผ่านการรับหลักการแล้ว เพื่อสร้างกลไกกำกับดูแลใหม่ ลดปัญหาการผูกขาด และแก้ไขความไม่เป็นธรรมในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล
ในการประชุมวันที่ผ่านมา สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ประธาน กมธ. ระบุว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมากจากผู้ประกอบการไทยที่ได้รับผลกระทบจากแพลตฟอร์มต่างชาติ จึงเชิญผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมให้ข้อมูลประกอบการพิจารณา
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ คำชี้แจงของภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ซีอีโอ Play Solution และ TARAD Dot Com ที่สะท้อนว่า ปัจจุบันแพลตฟอร์มต่างชาติครองส่วนแบ่งตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมากกว่าร้อยละ 51 ผู้ให้บริการคนไทยแทบไม่เหลืออยู่ สินค้ากว่า 200 ล้านชิ้นในแพลตฟอร์มทำให้ผู้ผลิตท้องถิ่นแข่งขันไม่ได้ ขณะเดียวกันยังต้องเจอค่าธรรมเนียมสูง การเข้าถึงข้อมูลจำกัด และบริการที่ไม่เท่าเทียม

ภาวุธ เสนอว่า ทางออกระยะยาว “ไทยควรมี แพลตฟอร์มแห่งชาติที่ทำงานแบบ Open Commerce Network” เพื่อเชื่อมโยงผู้ค้าและเอสเอ็มอีทั่วประเทศ เปิดกว้างให้ผู้ประกอบการเข้ามาใช้ระบบเดียวกัน เชื่อมต่อกับบริการภาครัฐ เช่น ระบบชำระเงิน การขนส่ง รวมถึงเป็นฐานข้อมูลสินค้าของไทยที่สามารถเชื่อมโยงออกสู่แพลตฟอร์มต่างประเทศได้ เพื่อกระจายโอกาส ลดการพึ่งพาตลาดที่ถูกผูกขาด และเพิ่มความเข้มแข็งให้ธุรกิจท้องถิ่น
“ทางออก เราควรจะมีแพลตฟอร์มของตัวเอง เพื่อเชื่อมโยงผู้ค้าของตัวเองทั่วประเทศ เป็นแพลตฟอร์มเปิด เครือข่ายทางการค้าแบบเปิด ให้ผู้ค้าและเอสเอ็มอีเข้ามาอยู่ภายในได้ เชื่อมโยงกับหน่วยงานและบริการภาครัฐทั้งการชำระเงิน การขนส่ง โดยมีสินค้าเป็นสินค้าไทยจริงๆ เป็น Open Commerce Network เป็นแหล่งของมูลขนาดใหญ่นำสินค้านี้ไปเชื่อมกับแพลตฟอร์มที่มีอยู่ แพลตฟอร์มนี้เชื่อมโยงลูกค้าเข้าด้วยกัน เพื่อเอาสินค้าไปช่วยกันขายเพื่อลดการผูกขาดจากแพลตฟอร์มต่างประเทศ”
การเร่งปรับปรุงกฎหมายแข่งขันทางการค้าในครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การปรับข้อกฎหมายเชิงเทคนิค แต่เป็น “ยุทธศาสตร์เชิงโครงสร้าง” เพื่อสร้างสมดุลใหม่ให้กับเศรษฐกิจดิจิทัลไทย ป้องกันการครอบงำตลาดจากผู้เล่นต่างชาติ และเปิดทางให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสแข่งขันอย่างเป็นธรรมในระบบเศรษฐกิจยุคใหม่




