ประธานาธิบดี Volodymyr Zelensky แห่งยูเครนออกมาวิจารณ์การประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำรัสเซียและสหรัฐอเมริกาที่กำหนดจัดขึ้นในรัฐอะแลสกาในวันศุกร์นี้ โดยเรียกว่าเป็น ‘ชัยชนะส่วนตัว’ ของประธานาธิบดี Vladimir Putin และจะทำให้การคว่ำบาตรรัสเซียล่าช้าออกไปอีก
การประชุมครั้งนี้จะเป็นการพบปะครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ และรัสเซียที่ยังดำรงตำแหน่งนับตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่ Donald Trump พยายามเป็นสื่อกลางเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ดำเนินมาเกือบสามปีครึ่ง
เซเลนสกี้ปฏิเสธข้อเสนอแลกดินแดน
เซเลนสกี้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ยูเครนจะไม่ถอนกำลังทหารออกจากภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกเพื่อแลกกับข้อตกลงสันติภาพ หลังจากที่ทรัมป์เคยเสนอแนะว่าเขาและปูตินอาจเจรจาแลกดินแดนกันเพื่อยุติสงคราม
‘เราจะไม่ถอนตัวจากดอนบาส หากเราถอนตัวจากดอนบาสในวันนี้ ซึ่งรวมถึงป้อมปราการ ภูมิประเทศ และจุดยุทธศาสตร์ที่เราควบคุม เราจะเปิดช่องทางให้รัสเซียเตรียมโจมตี’ เซเลนสกี้กล่าวกับนักข่าว
ดอนบาสครอบคลุมภาคตะวันออกของยูเครน ได้แก่ ลูกันสก์และโดเนตสก์ ซึ่งรัสเซียอ้างว่าเป็นดินแดนของตนและพยายามควบคุมนับตั้งแต่เริ่มการรุกรานเมื่อปี 2022
สถานการณ์การรบใกล้โดโบรปิลเลีย
เซเลนสกี้เตือนว่า รัสเซียได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วใกล้เมืองเหมืองถ่านหิน โดโบรปิลเลีย และกำลังวางแผนโจมตีทางบกในอย่างน้อยสามพื้นที่ต่างๆ ตามแนวหน้า
หน่วยทหารรัสเซียได้บุกลึกเข้าไป 10 กิโลเมตรในหลายจุด พวกเขาไม่มีอุปกรณ์ มีเพียงอาวุธในมือ บางส่วนถูกค้นพบแล้ว บางส่วนถูกทำลาย บางส่วนถูกจับเป็นเชลย เราจะค้นหาส่วนที่เหลือและทำลายพวกเขาในอนาคตอันใกล้ เซเลนสกี้กล่าว
แผนที่ที่เผยแพร่โดย DeepState ซึ่งเป็นหน่วยตรวจสอบสนามรบของยูเครนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกองทัพยูเครน แสดงให้เห็นว่ารัสเซียได้ทำการบุกสองทิศทางลึกเข้าไปประมาณ 10 กิโลเมตรในส่วนแคบของแนวหน้าใกล้โดโบรปิลเลีย
ผลกระทบต่อการคว่ำบาตรและการเจรจา
เซเลนสกี้ระบุว่า การประชุมสุดยอดในวันศุกร์จะทำให้การคว่ำบาตรใหม่ของสหรัฐฯ ต่อรัสเซียล่าช้าออกไป ซึ่งเป็นมาตรการที่ทรัมป์เคยสัญญาว่าจะใช้หากปูตินปฏิเสธหยุดสงคราม
นอกจากนี้ เซเลนสกี้ยังเปิดเผยว่าได้รับสัญญาณ จากทูตสหรัฐฯ Steve Witkoff ว่ารัสเซียอาจยินยอมหยุดยิงได้ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
การพบปะครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ปูตินเป็นฝ่ายร้องขอ ตามที่ทำเนียบขาวยืนยัน ขณะที่โฆษกของทรัมป์ Karoline Leavitt กล่าวว่าเป้าหมายคือให้ประธานาธิบดีเข้าใจดีขึ้นว่าจะยุติสงครามนี้ได้อย่างไร
การยอมรับให้จัดการประชุมบนดินแดนสหรัฐฯ จะเป็นการเสริมสร้างตำแหน่งของปูตินในเวทีโลกมากเพียงใด และสิ่งนี้จะส่งผลต่อแรงต่อรองของยูเครนในการเจรจาสันติภาพในอนาคตหรือไม่?