‘ดอนบาส’ ดินแดนยุทธศาสตร์ที่ปูตินอยากได้ แต่เซเลนสกีให้ไม่ได้

19 ส.ค. 2568 - 09:04

  • ดอนบาสนี้ประกอบด้วย 2 ภูมิภาคคือ ลูฮันสก์และโดเนตสก์

  • กองกำลังรัสเซียยึดครองเกือบทั้งหมดของลูฮันสก์ และราว 70% ของโดเนตสก์

  • รัสเซียขนานนามเมืองสโลเวียนสก์ ครามาตอร์สก์ ดรุซกิวกา และคอสเตียนตินิวกา ว่าเป็น “เมืองแห่งป้อมปราการ”

‘ดอนบาส’ ดินแดนยุทธศาสตร์ที่ปูตินอยากได้ แต่เซเลนสกีให้ไม่ได้

การพูดคุยระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน และทรัมป์กับประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ร่วมกับผู้นำจากยุโรป มีข้อเสนอหนึ่งถูกพูดถึง นั่นคือข้อเรียกร้องของปูตินที่ให้ยูเครนยอมยก “ดอนบาส” ให้รัสเซียทั้งหมด แลกกับการยุติสงคราม

พื้นที่ที่เรียกว่าดอนบาสนี้ประกอบด้วย 2 ภูมิภาคคือ ลูฮันสก์และโดเนตสก์

ตอนนี้กองกำลังรัสเซียยึดครองเกือบทั้งหมดของลูฮันสก์ และราว 70% ของโดเนตสก์

ดอนบาสเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมที่สำคัญของยูเครน โดยเป็นที่ตั้งของเหมืองถ่านหินและอุตสาหกรรมหนัก รวมถึงโรงงานผลิตอาวุธเก่าแก่หลายแห่งจากสมัยที่ยูเครนยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต

พื้นที่ 30% ที่เหลือของโดเนตสก์ที่กองกำลังของยูเครนยังครอบครองอยู่และอาจต้องยอมยกให้รัสเซียตามที่ปูตินเรียกร้องนั้น มีความสำคัญกับยูเครนในหลายเหตุผล

ในทางการเมือง ชาวยูเครนทุกคนต่างทราบดีว่าการที่รัสเซียเข้ายึดครองส่วนหนึ่งของดอนบาส (ราว 30% ของดินแดน ณ สิ้นปี 2014) เริ่มขึ้นที่เมืองสโลเวียนสก์ทางตอนเหนือของดอนบาสที่ยังไม่ถูกยึด

ยูเครนปลดปล่อยเมืองสโลเวียนสก์จากกองกำลังที่รัสเซียหนุนหลังและเข้าควบคุมพื้นที่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และต้องแลกมาด้วยชีวิตและเงินทองเพื่อให้เมืองสโลเวียนสก์เป็นอิสระ

กรณีแบบนี้เกิดขึ้นกับเมืองและหมู่บ้านอื่นๆ ในโดเนตสก์ที่ยังอยู่ภายใต้การยึดครองของยูเครน นี่จะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับยูเครน และอาจนำไปสู่การปลดเซเลนสกีออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี หากต้องยอมสละดินแดนที่ยูเครนต่อสู้อย่างหนักเพื่อรักษาไว้มาตลอด 11 ปีที่ผ่านมาให้รัสเซีย

แต่พื้นที่นี้ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งทางยุทธศาสตร์ต่อยูเครน

เมืองสำคัญ 4 เมืองในพื้นที่ดังกล่าวกลายเป็น “เขต” ป้อมปราการที่แข็งแกร่งยาว 50-60 กิโลเมตร

แม้แต่รัสเซียยังขนานนามเมืองสโลเวียนสก์ ครามาตอร์สก์ ดรุซกิวกา และคอสเตียนตินิวกา ว่าเป็น “เมืองแห่งป้อมปราการ” และหมู่บ้านและชุมชนทั้งหมดที่อยู่ระหว่างเมืองเหล่านี้ได้รับการป้องกันอย่างดี โดยใช้ประโยชน์จากลักษณะภูมิประเทศที่ตั้งอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

หากกองกำลังยูเครนต้องยอมเสียตำแหน่งที่แข็งแกร่งเหล่านี้ไป พวกเขาจะไม่สามารถถอนกำลังไปทางทิศตะวันตกเพื่อไปยังตำแหน่งป้องกันอื่นๆ ที่แข็งแกร่งเท่านี้ได้

หรือพูดสั้นๆ ก็คือ ยูเครนอาจต้องยอมยกตำแหน่งป้องกันที่ดีที่สุดให้กองกำลังรัสเซียที่สามารถใช้เมืองเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นในการโจมตีออกไปทางฝั่งตะวันตกไปยังแม่น้ำดนีเปอร์ซึ่งยูเครนจะป้องกันได้ยาก

การที่กองกำลังรัสเซียขยับเข้าใกล้เมืองสโลเวียนสก์และครามาตอร์สก์มานานแล้วในทางภูมิศาสตร์แต่ก็ยังยึดไม่ได้ บ่งบอกได้อย่างดีถึงความมีประสิทธิภาพของ “เมืองแห่งป้อมปราการ” ในการต้านการโจมตีจากรัสเซียได้อย่างดี

นอกจากนี้ รัสเซียยังได้รับประโยชน์บางประการหากสามารถเข้าถึงแหล่งแร่ต่างๆ ทั่วบริเวณดอนบาส ซึ่งรวมถึงแหล่งแร่ลิเธียม ไททาเนียม และโลหะที่ไม่มีแร่เหล็กเป็นส่วนประกอบ ขนาดใหญ่ที่สามารถใช้งานได้ และยังมีแหล่งแร่แรร์เอิร์ธขนาดใหญ่บางส่วนที่ทอดยาวในแนวธรณีวิทยาเหนือ-ใต้ตามแนวชายแดนระหว่างโดเนตสก์และภูมิภาคดนีปรอเปตรอฟสก์ที่อยู่ใกล้เคียงอีกด้วย

การรับรองความปลอดภัยจากปูตินจะเชื่อได้แค่ไหน

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางคนพูดถึงความเป็นไปได้ในที่รัสเซียจะรับรองความปลอดภัยให้ยูเครนในกรณีที่ยูเครนยอมรับข้อเสนอของรัสเซีย

มีความเห็นเกือบเป็นเอกฉันท์ทั้งในหมู่ประชาชนในยูเครน และในหมู่ผู้นำทางการเมืองในยุโรป (โดยมีข้อยกเว้นที่สำคัญแต่ไม่มากนักเล็กน้อย) ว่าการรับประกันใดๆ ที่ปูตินเสนอมาไม่มีค่าอะไรเลย

ประวัติที่ผ่านๆ มาของปูตินในเรื่องความปลอดภัยของยุโรปนับตั้งแต่ปูตินเข้ารับตำแหน่งในปี 1999 เต็มไปด้วยความไม่ซื่อสัตย์ การหลอกลวง และการละเมิดสนธิสัญญาอย่างต่อเนื่อง

รัสเซียรับรองความปลอดภัยของยูเครนในข้อตกลงบูดาเปสต์เมื่อปี 1994 ต่อด้วยสินธสัญญามิตรภาพกับยูเครนในปี 1997 แต่สุดท้ายก็ฉีกทั้งสองสัญญาด้วยการบุกยูเครนในปี 2014

หลังการบุกครั้งนั้น ก็มีการทำข้อตกลงกรุงมินสก์และข้อตกลงกรุงมินสก์ 2 เพื่อ รักษาเสถียรภาพของสถานการณ์

แต่ก็เหมือนเดิมคือ รัสเซียละเมิดข้อตกลงแทบจะทันที แถมยังโทษว่าเป็นความผิดของยูเครน แต่บันทึกทางประวัติศาสตร์ไม่ได้ให้น้ำหนักกับคำกล่าวอ้างนั้นของรัสเซีย

ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในเดือนมกราคม/กุมภาพันธ์ 2022 ปูตินย้ำเป็นการส่วนตัวหลายครั้งกับบรรดาผู้นำยุโรปที่ติดต่อเขาว่ารัสเซียไม่มีเจตนาจะรุกรานยูเครน จนกระทั่งวันที่รัสเซียลงมือ

ความจริงคือ ไม่มีเอกสารหรือหลักฐานที่ได้รับการยืนยันว่าความต้องการของปูตินในยูเครนจะหยุดอยู่แค่ที่ภูมิภาคดอนบาส แต่กลับมีทั้งเอกสารและหลักฐานที่สาธารณะยืนยันมากมายที่ยืนยันในทางตรงกันข้ามว่า ภายใต้การเป็นผู้นำของปูติน รัสเซียตั้งใจยึดยูเครนและดึงยูเครนเข้าสหพันธรัฐรัสเซีย

“การรับรอง” ใดๆ ที่ปูตินอาจเสนอตลอดเส้นทางสู่เป้าหมายสูงสุดนี้ ควรถูกมองว่าเป็นเพียงการเสนอเชิงยุทธวิธีและในระยะสั้นเท่านั้น

และในเมื่อปูตินแทบจะไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงก่อนหน้าใดๆ เลยที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของยุโรป นั่นแสดงให้เห็นว่าปูตินจะไม่ปฏิบัติตามการรับประกันความมั่นคงฉบับใหม่ใดๆ ทันทีที่เขาเห็นว่ามีข้อได้เปรียบในการทำเช่นนั้น

Photo by Gavriil GRIGOROV and Nhac NGUYEN / various sources / AFP

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์