การพูดคุยระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน และทรัมป์กับประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ร่วมกับผู้นำจากยุโรป มีข้อเสนอหนึ่งถูกพูดถึง นั่นคือข้อเรียกร้องของปูตินที่ให้ยูเครนยอมยก “ดอนบาส” ให้รัสเซียทั้งหมด แลกกับการยุติสงคราม
พื้นที่ที่เรียกว่าดอนบาสนี้ประกอบด้วย 2 ภูมิภาคคือ ลูฮันสก์และโดเนตสก์
ตอนนี้กองกำลังรัสเซียยึดครองเกือบทั้งหมดของลูฮันสก์ และราว 70% ของโดเนตสก์
ดอนบาสเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมที่สำคัญของยูเครน โดยเป็นที่ตั้งของเหมืองถ่านหินและอุตสาหกรรมหนัก รวมถึงโรงงานผลิตอาวุธเก่าแก่หลายแห่งจากสมัยที่ยูเครนยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต
พื้นที่ 30% ที่เหลือของโดเนตสก์ที่กองกำลังของยูเครนยังครอบครองอยู่และอาจต้องยอมยกให้รัสเซียตามที่ปูตินเรียกร้องนั้น มีความสำคัญกับยูเครนในหลายเหตุผล
ในทางการเมือง ชาวยูเครนทุกคนต่างทราบดีว่าการที่รัสเซียเข้ายึดครองส่วนหนึ่งของดอนบาส (ราว 30% ของดินแดน ณ สิ้นปี 2014) เริ่มขึ้นที่เมืองสโลเวียนสก์ทางตอนเหนือของดอนบาสที่ยังไม่ถูกยึด
ยูเครนปลดปล่อยเมืองสโลเวียนสก์จากกองกำลังที่รัสเซียหนุนหลังและเข้าควบคุมพื้นที่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และต้องแลกมาด้วยชีวิตและเงินทองเพื่อให้เมืองสโลเวียนสก์เป็นอิสระ
กรณีแบบนี้เกิดขึ้นกับเมืองและหมู่บ้านอื่นๆ ในโดเนตสก์ที่ยังอยู่ภายใต้การยึดครองของยูเครน นี่จะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับยูเครน และอาจนำไปสู่การปลดเซเลนสกีออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี หากต้องยอมสละดินแดนที่ยูเครนต่อสู้อย่างหนักเพื่อรักษาไว้มาตลอด 11 ปีที่ผ่านมาให้รัสเซีย
แต่พื้นที่นี้ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งทางยุทธศาสตร์ต่อยูเครน
เมืองสำคัญ 4 เมืองในพื้นที่ดังกล่าวกลายเป็น “เขต” ป้อมปราการที่แข็งแกร่งยาว 50-60 กิโลเมตร
แม้แต่รัสเซียยังขนานนามเมืองสโลเวียนสก์ ครามาตอร์สก์ ดรุซกิวกา และคอสเตียนตินิวกา ว่าเป็น “เมืองแห่งป้อมปราการ” และหมู่บ้านและชุมชนทั้งหมดที่อยู่ระหว่างเมืองเหล่านี้ได้รับการป้องกันอย่างดี โดยใช้ประโยชน์จากลักษณะภูมิประเทศที่ตั้งอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
หากกองกำลังยูเครนต้องยอมเสียตำแหน่งที่แข็งแกร่งเหล่านี้ไป พวกเขาจะไม่สามารถถอนกำลังไปทางทิศตะวันตกเพื่อไปยังตำแหน่งป้องกันอื่นๆ ที่แข็งแกร่งเท่านี้ได้
หรือพูดสั้นๆ ก็คือ ยูเครนอาจต้องยอมยกตำแหน่งป้องกันที่ดีที่สุดให้กองกำลังรัสเซียที่สามารถใช้เมืองเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นในการโจมตีออกไปทางฝั่งตะวันตกไปยังแม่น้ำดนีเปอร์ซึ่งยูเครนจะป้องกันได้ยาก
การที่กองกำลังรัสเซียขยับเข้าใกล้เมืองสโลเวียนสก์และครามาตอร์สก์มานานแล้วในทางภูมิศาสตร์แต่ก็ยังยึดไม่ได้ บ่งบอกได้อย่างดีถึงความมีประสิทธิภาพของ “เมืองแห่งป้อมปราการ” ในการต้านการโจมตีจากรัสเซียได้อย่างดี
นอกจากนี้ รัสเซียยังได้รับประโยชน์บางประการหากสามารถเข้าถึงแหล่งแร่ต่างๆ ทั่วบริเวณดอนบาส ซึ่งรวมถึงแหล่งแร่ลิเธียม ไททาเนียม และโลหะที่ไม่มีแร่เหล็กเป็นส่วนประกอบ ขนาดใหญ่ที่สามารถใช้งานได้ และยังมีแหล่งแร่แรร์เอิร์ธขนาดใหญ่บางส่วนที่ทอดยาวในแนวธรณีวิทยาเหนือ-ใต้ตามแนวชายแดนระหว่างโดเนตสก์และภูมิภาคดนีปรอเปตรอฟสก์ที่อยู่ใกล้เคียงอีกด้วย
การรับรองความปลอดภัยจากปูตินจะเชื่อได้แค่ไหน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางคนพูดถึงความเป็นไปได้ในที่รัสเซียจะรับรองความปลอดภัยให้ยูเครนในกรณีที่ยูเครนยอมรับข้อเสนอของรัสเซีย
มีความเห็นเกือบเป็นเอกฉันท์ทั้งในหมู่ประชาชนในยูเครน และในหมู่ผู้นำทางการเมืองในยุโรป (โดยมีข้อยกเว้นที่สำคัญแต่ไม่มากนักเล็กน้อย) ว่าการรับประกันใดๆ ที่ปูตินเสนอมาไม่มีค่าอะไรเลย
ประวัติที่ผ่านๆ มาของปูตินในเรื่องความปลอดภัยของยุโรปนับตั้งแต่ปูตินเข้ารับตำแหน่งในปี 1999 เต็มไปด้วยความไม่ซื่อสัตย์ การหลอกลวง และการละเมิดสนธิสัญญาอย่างต่อเนื่อง
รัสเซียรับรองความปลอดภัยของยูเครนในข้อตกลงบูดาเปสต์เมื่อปี 1994 ต่อด้วยสินธสัญญามิตรภาพกับยูเครนในปี 1997 แต่สุดท้ายก็ฉีกทั้งสองสัญญาด้วยการบุกยูเครนในปี 2014
หลังการบุกครั้งนั้น ก็มีการทำข้อตกลงกรุงมินสก์และข้อตกลงกรุงมินสก์ 2 เพื่อ รักษาเสถียรภาพของสถานการณ์
แต่ก็เหมือนเดิมคือ รัสเซียละเมิดข้อตกลงแทบจะทันที แถมยังโทษว่าเป็นความผิดของยูเครน แต่บันทึกทางประวัติศาสตร์ไม่ได้ให้น้ำหนักกับคำกล่าวอ้างนั้นของรัสเซีย
ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในเดือนมกราคม/กุมภาพันธ์ 2022 ปูตินย้ำเป็นการส่วนตัวหลายครั้งกับบรรดาผู้นำยุโรปที่ติดต่อเขาว่ารัสเซียไม่มีเจตนาจะรุกรานยูเครน จนกระทั่งวันที่รัสเซียลงมือ
ความจริงคือ ไม่มีเอกสารหรือหลักฐานที่ได้รับการยืนยันว่าความต้องการของปูตินในยูเครนจะหยุดอยู่แค่ที่ภูมิภาคดอนบาส แต่กลับมีทั้งเอกสารและหลักฐานที่สาธารณะยืนยันมากมายที่ยืนยันในทางตรงกันข้ามว่า ภายใต้การเป็นผู้นำของปูติน รัสเซียตั้งใจยึดยูเครนและดึงยูเครนเข้าสหพันธรัฐรัสเซีย
“การรับรอง” ใดๆ ที่ปูตินอาจเสนอตลอดเส้นทางสู่เป้าหมายสูงสุดนี้ ควรถูกมองว่าเป็นเพียงการเสนอเชิงยุทธวิธีและในระยะสั้นเท่านั้น
และในเมื่อปูตินแทบจะไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงก่อนหน้าใดๆ เลยที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของยุโรป นั่นแสดงให้เห็นว่าปูตินจะไม่ปฏิบัติตามการรับประกันความมั่นคงฉบับใหม่ใดๆ ทันทีที่เขาเห็นว่ามีข้อได้เปรียบในการทำเช่นนั้น
Photo by Gavriil GRIGOROV and Nhac NGUYEN / various sources / AFP



