ไขข้อข้องใจ...ทำไม ‘มหานครฮ่องกง’ ที่เป็นถึงหนึ่งในศูนย์กลางการเงินโลก ยังคงใช้ ‘นั่งร้านไม้ไผ่’ ในงานก่อสร้าง

29 พ.ย. 2568 - 10:37

  • ‘ฮ่องกง’ เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในโลกที่ยังคงใช้ ‘นั่งร้านไม้ไผ่’ อย่างแพร่หลายในการก่อสร้าง และใครจะไปรู้ว่า ตึกระฟ้าที่เห็นกันก็มีฐานมาจากเสานั่งร้านไม้ไผ่นั่นแหละ แถมยังเป็นเสาหลักสำคัญในวงการก่อสร้างของศูนย์กลางการเงินแห่งนี้มานานหลายทศวรรษอีกด้วย

  • แต่โศกนาฏกรรมเพลิงไหม้ตึกอาคารที่พักอาศัย ‘หวั่งฟกคอร์ต’ ในเขตไทโป ทางตอนเหนือของฮ่องกง ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้กระตุ้นให้รัฐบาลสั่งเปลี่ยนมาใช้ ‘นั่งร้านเหล็ก’ ที่แข็งแรงและทนไฟมากขึ้นแทน

ไขข้อข้องใจ...ทำไม ‘มหานครฮ่องกง’ ที่เป็นถึงหนึ่งในศูนย์กลางการเงินโลก ยังคงใช้ ‘นั่งร้านไม้ไผ่’ ในงานก่อสร้าง

‘ฮ่องกง’ เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในโลกที่ยังคงใช้ ‘นั่งร้านไม้ไผ่’ อย่างแพร่หลายในการก่อสร้าง และใครจะไปรู้ว่า ตึกระฟ้าที่เห็นกันก็มีฐานมาจากเสานั่งร้านไม้ไผ่นั่นแหละ แถมยังเป็นเสาหลักสำคัญในวงการก่อสร้างของศูนย์กลางการเงินแห่งนี้มานานหลายทศวรรษอีกด้วย  

เนื่องจากการก่อสร้างนั่งร้านไม้ไผ่เป็นเทคนิคที่สืบทอดกันมานับพันปี และถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากว่าช่างที่ชำนาญงานจะสามารถสร้างนั่งร้านไม้ไผ่ล้อมรอบอาคารได้ภายใน 1 วัน หรือแค่หลายชั่วโมงเท่านั้น 

แต่โศกนาฏกรรมเพลิงไหม้ตึกอาคารที่พักอาศัย ‘หวั่งฟกคอร์ต’ ในเขตไทโป ทางตอนเหนือของฮ่องกง ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็กระตุ้นให้รัฐบาลสั่งเปลี่ยนมาใช้นั่งร้านเหล็กที่แข็งแรงและทนไฟมากขึ้นแทน แม้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทางการได้ประกาศแผน ‘เลิก’ ใช้ไม้ไผ่ไปแล้วก็ตาม โดยอ้างว่าไม้ไผ่ติดไฟง่าย และมีแนวโน้มที่จะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา    

ขณะนี้เจ้าหน้าที่สืบสวนยังคงสืบหาสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งเลวร้ายในประวัติศาสตร์ฮ่องกงในรอบ 70 ปี ซึ่งดูเหมือนว่านั่งร้านไม้ไผ่ และตาข่ายนิรภัยสีเขียว จะมีส่วนที่ทำให้ไฟลุกลามเร็วขึ้น 

‘นั่งร้านไม้ไผ่’ เป็นเทคนิคเก่าแก่ที่ถูกใช้มานานนับพันปี! 

 (Photo by : PETER PARKS / AFP)
(Photo by : PETER PARKS / AFP)

ตลอดประวัติศาสตร์จีน นั่งร้านไม้ไผ่เป็นภูมิปัญญาเก่าแก่ที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการก่อสร้างมานานนับพันปี และเริ่มแพร่หลายในฮ่องกงในช่วงทศวรรษ 1960 เนื่องจากเศรษฐกิจเฟื่องฟูกระตุ้นให้การก่อสร้างขยายตัวทั่วเมือง 

แม้ว่าจีนแผ่นดินใหญ่จะเปลี่ยนมาใช้โครงเหล็ก แต่ฮ่องกงยังคงพึ่งพาแรงงานที่มีทักษะหลายพันคนที่เชี่ยวชาญในการมัดเสาไม้ไผ่ที่มีน้ำหนักเบา และราคาถูกกว่า เข้าด้วยกันในรูปแบบไขว้กัน ซึ่งนั่งร้านไม้ไผ่ต่างจากนั่งร้านโลหะตรงที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า สามารถตัดให้มีขนาดพอดีกับพื้นที่จำกัด และไม่สม่ำเสมอได้ง่ายกว่า  

แต่นั่งร้านไม้ไผ่ก็มีความเสี่ยง... 

ข้อเสียของนั่งร้านไม้ไผ่ก็คือ ‘เกิดอุบัติเหตุ และติดไฟได้ง่าย’ ยกตัวอย่างกรณีที่โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หรูไคตั๊กพังถล่มในปี 2024 ทำให้คนงานเสียชีวิต 2 ราย และนำไปสู่การตั้งข้อหา ‘ฆ่าคนโดยไม่เจตนา’ หรือแม้แต่เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ตึกชินาเคม (Chinachem Tower) ที่ถูกห่อหุ้มด้วยนั่งร้านไม้ไผ่ก็เกิดเพลิงไหม้ในย่านธุรกิจใจกลางเมือง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย 

“ไม้ไผ่อาจติดไฟได้ง่ายมากขึ้นเมื่อเสื่อมสภาพการใช้งานตามกาลเวลา การตรวจสอบและรักษาคุณภาพของวัสดุต้องใช้ความพยายามอย่างมาก”

 วินเซนต์ โฮ ผู้ก่อตั้งสถาบันวิจัยความปลอดภัยอาคารแห่งฮ่องกง กล่าว 

ขณะที่ ลี กวงซิง ประธานสถาบันความปลอดภัยแห่งฮ่องกง เผยว่า “จริงๆ แล้ว ไม้ไผ่ไม่ได้ติดไฟง่ายนัก แต่ในเคสเพลิงไหม้ตึกอาคารที่พักอาศัย ‘หวั่งฟกคอร์ต’ นั้น วัสดุคลุมนั่งร้านอย่างพวกตาข่าย หรือโฟม อาจไม่ได้มีคุณสมบัติหน่วงไฟ จึงทำให้ไฟลุกลามรวดเร็ว”  

แม้จะยังไม่สามารถระบุสาเหตุของไฟไหม้ได้แน่ชัด แต่เจ้าหน้าที่รัฐบาลระบุว่า “วัสดุคลุมภายนอกอาคารที่เกิดเพลิงไหม้ลุกติดไฟได้เร็วกว่าเมื่อต้องใช้วัสดุที่เป็นไปตามมาตรฐาน” 

มีแนวโน้มที่ทางการฮ่องกงจะเปลี่ยนมาใช้ ‘นั่งร้านโลหะ’ ถาวรในอนาคต 

   (Photo by : DALE DE LA REY / AFP)
(Photo by : DALE DE LA REY / AFP)

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาลฮ่องกงได้ประกาศว่างานก่อสร้างอาคารสาธารณะใหม่อย่างน้อย 50% จะต้องใช้นั่งร้านโลหะแทนไม้ไผ่ตั้งแต่นี้ไป โดยชี้ให้เห็น ‘จุดอ่อน’ ของโครงสร้างไม้ไผ่ ซึ่งรวมถึงคุณสมบัติเชิงกลที่เปลี่ยนแปลงไป การเสื่อมสภาพตามกาลเวลา และติดไฟง่าย ในขณะที่โลหะมีความแข็งแรง และทนทานกว่า 

นอกจากความกังวลด้านความปลอดภัยแล้ว รัฐบาลยังชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติการก่อสร้างสมัยใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่ และประเทศเศรษฐกิจชั้นนำอื่นๆ ซึ่งห้าม หรือจำกัดการใช้นั่งร้านไผ่เพื่อลดอุบัติเหตุ 

ทว่าการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบดังกล่าวกลับก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม ซึ่งเคยโต้แย้งกันมานานแล้วว่า “อุบัติเหตุเกิดจากการไม่ปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ไม่ใช่เพราะนั่งร้านไม้ไผ่ไม่ปลอดภัยต่อโครงสร้าง” 

นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่า การเปลี่ยนไปใช้นั่งร้านโลหะจะส่งผลให้การจ้างงานช่างฝีมือชาวฮ่องกงที่เชี่ยวชาญงานไม้ไผ่น้อยลง และต้องพึ่งแรงงานต่างชาติมากขึ้น อีกทั้งยังสูญเสียมรดกทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของฮ่องกงของฮ่องกงอีกด้วย 

คริส ซัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการฮ่องกง กล่าวเมื่อเดือนกรกฎาคมว่า “รัฐบาลยังไม่มีแผนที่จะห้ามใช้นั่งร้านไม้ไผ่ในทันที แต่จะค่อยๆ เปลี่ยนไปใช้นั่งร้านโลหะตามมาตรฐานสากล” 

แต่หลังจากเหตุการณ์เพลิงไหมตึกอาคารที่พักอาศัย ‘หวั่งฟกคอร์ต’ ครั้งล่าสุด จอห์น ลี ผู้นำฮ่องกงก็ได้ประกาศไว้เมื่อวันพฤหัสบดี (27 พ.ย.) ว่า “รัฐบาลจะยกเลิกนั่งร้านไผ่ทั้งหมดในโครงการก่อสร้าง และเปลี่ยนไปใช้นั่งร้านโลหะแทน” 

การเปลี่ยนไปใช้โครงเหล็กทนไฟจะไม่สามารถขจัดความเสี่ยงของการเกิดเพลิงไหม้ หรือลุกลามได้ วัสดุก่อสร้างอื่นๆ เช่น ตาข่าย แท่นไม้ และแผ่นป้องกัน ก็จำเป็นต้องได้รับการป้องกันไฟตามมาตรฐานด้วยเช่นกัน” โฮ จากสถาบันวิจัยความปลอดภัยอาคารแห่งฮ่องกง กล่าว   

(Photo by : DALE DE LA REY / AFP) 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์