นายกรัฐมนตรี ฝั่ม มิญ จิ๋ญ ของเวียดนามเผยในที่ประชุมสมัชชาแห่งชาติครั้งที่ 15 ว่า เวียดนามจะเจรจาการค้าทวิภาคีกับสหรัฐฯ รอบแรกในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้
ในรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมช่วงต้นปีนี้ นายกรัฐมนตรีเวียดนามกล่าวว่า นับตั้งแต่ต้นปีสถานการณ์โลกเกิดเหตุการณ์ที่ซับซ้อนและไม่สามารถคาดเดาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่สหรัฐฯ ประกาศกำหนดภาษีศุลกากรแบบกว้างๆ ที่มีผลตอบแทนสูงอย่างไม่คาดคิด ส่งผลเสียต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก คุกคามห่วงโซ่อุปทานอย่างรุนแรง และรบกวนการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ความท้าทายด้านความปลอดภัยแบบดั้งเดิมและรูปแบบใหม่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และยากต่อการจัดการ
เมื่อวันที่ 2 เมษายน สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีศุลกากรแบบพื้นฐาน 10% จากทุกประเทศ รวมทั้งตั้งภาษีศุลกากรตอบโต้ในอัตราสูงกับหลายประเทศ เวียดนามถูกเก็บ 46% ก่อนที่อีก 1 สัปดาห์ต่อมา ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศระงับแผนเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ 90 วันให้ทุกประเทศยกเว้นจีน
ในบริบทนี้ เวียดนามตอบสนองอย่างใจเย็นและเป็นเชิงรุก โดยดำเนินมาตรการที่ทันท่วงทีและยืดหยุ่น ซึ่งได้นำมาซึ่งผลลัพธ์เชิงบวกในเบื้องต้นบางประการ ตามที่รัฐบาลเวียดนามระบุ
นายกรัฐมนตรีเวียดนามยังเผยอีกว่า เวียดนามเป็น 1 ใน 6 ประเทศคือ สหราชอาณาจักร อินเดีย เกสหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย ที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญสูงสุดในการเจรจา
นายกรัฐมนตรี ฝั่ม มิญ จิ๋ญ เน้นย้ำว่ารัฐบาลได้กำกับดูแลคณะเจรจาและกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามความคืบหน้า สรุปข้อเสนออย่างรวดเร็ว และเตรียมการเจรจากับสหรัฐฯ โดยยึดหลัก “ผลประโยชน์ที่สอดประสานกัน ความเสี่ยงที่แบ่งปันกัน”
ในฐานะผู้นำคนแรกที่โทรหาประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ทันทีหลังจากที่มีการประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ เลขาธิการ โต เลิม กล่าวว่า เวียดนามพร้อมที่จะลดภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ทั้งหมดที่ส่งออกมายังเวียดนามเป็นศูนย์ พร้อมทั้งเรียกร้องให้สหรัฐฯ ดำเนินการเช่นเดียวกันกับสินค้าเวียดนามที่ส่งมายังสหรัฐฯ
Photo by Wojtek RADWANSKI / AFP