รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เจดี แวนซ์ เตือนเมื่อวันพุธ (22 ต.ค.) ที่ผ่านมาถึงภารกิจที่ยากลำบากในการ 'ปลด' อาวุธฮามาสและสร้างอนาคตที่สงบสุขให้กับกาซา ขณะที่สหรัฐฯ พยายามสร้างความมั่นใจให้อิสราเอล เกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปในข้อตกลงหยุดยิง
แวนซ์ได้พบกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ในวันที่สองของการเยือนอิสราเอล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทูตเร่งด่วนเพื่อสนับสนุนแผนที่สหรัฐฯ ไกล่เกลี่ยเพื่อยุติการต่อสู้ ช่วยเหลือตัวประกัน และสร้างดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกทำลายล้างขึ้นมาใหม่
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังเปิดศูนย์ประสานงานพลเรือน-ทหาร 'CMCC' ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอิสราเอล เพื่อให้กองทหารสหรัฐฯ และพันธมิตรประสานงานกับกองกำลังอิสราเอล
"เรามีภารกิจที่ยากลำบากมากในหนทางข้างหน้า นั่นก็คือ 'การปลดอาวุธฮามาส และสร้างกาซาใหม่' เพื่อทำให้ชีวิตของชาวกาซาดีขึ้น แต่ยังต้องมั่นใจด้วยว่าฮามาสจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อเพื่อนของเราในอิสราเอลอีกต่อไป"
— แวนซ์ กล่าว

แวนซ์อ้างถึงกองกำลังรักษาความปลอดภัยนานาชาติว่า เป็นหนึ่งในองค์กรที่ต้องจัดตั้งขึ้น ภายใต้แผน 20 ข้อของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยภารกิจทางทหารนี้จะรักษาสันติภาพในกาซาขณะที่อิสราเอลถอนกำลัง ขณะที่พันธมิตรหลายประเทศของสหรัฐฯ ก็กำลังพิจารณาเข้าร่วมกองกำลังนี้ แต่จะไม่มีทหารอเมริกันประจำการภายในกาซา
แม้จะมีเหตุความรุนแรงปะทุขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (19 ต.ค.) ที่ทหาร 2 นายถูกสังหาร และอิสราเอลตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศที่รุนแรง แต่แวนซ์ยังคงแสดงความมั่นใจอย่างยิ่งว่า 'การหยุดยิงจะยืนหยัดและแผนยุติสงครามจะดำเนินต่อไป'
ฮามาสยังคงส่งมอบซากตัวประกันที่เสียชีวิตเป็นจำนวนเล็กน้อยตามข้อตกลงหยุดยิง และชาวปาเลสไตน์ต้อนรับการหยุดยิงท่ามกลางเมืองที่ถูกทำลายจนเป็นซากปรักหักพัง ด้านกองทัพอิสราเอลแจ้งเมื่อวันพุธ (22 ต.ค.) ว่าได้ระบุตัวตนซากตัวประกันอีก 2 รายที่ส่งคืนเมื่อวันก่อนหน้าแล้ว ซึ่งก็คือ อาริเย ซัลมาโนวิช, และจ่าเอกทามีร์ อาดาร์



