สหประชาชาติเตือนรัสเซีย-อิสราเอลเสี่ยงติดบัญชีความรุนแรงทางเพศในสงคราม

องค์การสหประชาชาติเตือนรัสเซียและอิสราเอลเมื่อวันพฤหัสบดีว่ากองทัพทั้งสองประเทศเสี่ยงถูกบรรจุในบัญชีฝ่ายที่ต้องสงสัยว่าก่อคดีความรุนแรงทางเพศในความขัดแย้ง หลังจากพบหลักฐานน่าเชื่อถือของการละเมิดสิทธิมนุษยชน

เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรสเปิดเผยในรายงานประจำปีว่า ทั้งสองประเทศอาจถูกเพิ่มเข้าในบัญชีฝ่ายที่ใช้ความรุนแรงทางเพศ รวมถึงการข่มขืนในความขัดแย้ง ซึ่งปัจจุบันมีกองทัพเมียนมา กองทัพซูดาน และกลุ่มฮามาสติดอยู่ในบัญชีดังกล่าว

หลักฐานการทารุณกรรมในสถานกักขัง

รายงานระบุว่า "เนื่องจากความกังวลอย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวกับรูปแบบของความรุนแรงทางเพศบางรูปแบบที่กองกำลังติดอาวุธและกำลังรักษาความปลอดภัยของอิสราเอล และกองกำลังติดอาวุธและกำลังรักษาความปลอดภัยของรัสเซียและกลุ่มติดอาวุธที่เกี่ยวข้องได้กระทำ จึงได้แจ้งเตือนฝ่ายเหล่านี้สำหรับการบรรจุรายชื่อที่เป็นไปได้ในรอบการรายงานครั้งต่อไป"

ความกังวลดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการละเมิดที่บันทึกไว้ในสถานกักขังเป็นหลัก ในกรณีของอิสราเอล รายงานกล่าวหาว่ามี "ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ" ว่ากองกำลังทหารและรักษาความปลอดภัยได้กระทำความรุนแรงทางเพศอย่างเป็นรูปแบบ รวมถึง "ความรุนแรงต่ออวัยวะเพศ การบังคับให้เปลือยกายเป็นเวลานาน และการค้นตัวแก้ผ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าในลักษณะที่เป็นการละเมิดและดูหมิ่น"

กรณีทหารอิสราเอลถูกตั้งข้อหา

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ กองทัพอิสราเอลแถลงว่าได้ตั้งข้อหานายทหาร 5 นาย ในกรณีทารุณกรรมผู้ต้องขังชาวปาเลสไตน์ในสถานที่ที่ใช้กักขังชาวปาเลสไตน์หลังเริ่มสงครามในกาซาภายหลังการโจมตีของฮามาสเมื่อ 7 ตุลาคม 2566

หนึ่งในข้อหาคือการกล่าวหาว่าผู้ต้องหาได้แทงชายคนหนึ่งด้วยวัตถุมีคม "ซึ่งได้เจาะเข้าไปใกล้ทวารหนักของผู้ต้องขัง" สำหรับรัสเซีย รายงานระบุมีหลักฐาน "น่าเชื่อถือ" ของการละเมิด "ต่อเชลยศึกชาวยูเครน ในสถานกักขัง 50 แห่งที่เป็นทางการและ 22 แห่งที่ไม่เป็นทางการในยูเครนและรัสเซีย"

ความร่วมมือและการตอบสนองของประเทศ

รายงานเปิดเผยว่า "กรณีเหล่านี้ประกอบด้วยเหตุการณ์ที่มีการบันทึกไว้จำนวนมากของความรุนแรงต่ออวัยวะเพศ รวมถึงการช็อตด้วยไฟฟ้า การทำร้ายและการเผาอวัยวะเพศ และการบังคับให้แก้ผ้าและเปลือยกายเป็นเวลานาน เพื่อสร้างความอับอายและบีบบังคับให้สารภาพหรือให้ข้อมูล" ในปี 2567 คณะกรรมการติดตามสิทธิมนุษยชนในยูเครนบันทึกกรณีความรุนแรงทางเพศที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งได้ 209 กรณี รวมถึงการข่มขืน

อิสราเอลให้ความร่วมมือกับตำแหน่งพิเศษในประเด็นความรุนแรงทางเพศในความขัดแย้ง ขณะที่รัสเซียไม่ให้ความร่วมมือ อย่างไรก็ตาม อิสราเอลปฏิเสธที่จะอนุญาตให้ผู้ตรวจสอบเข้าถึงข้อมูล ซึ่งขัดขวางความสามารถในการระบุรูปแบบและแนวโน้ม

อิสราเอลปฏิเสธผลการสอบสวนและเรียกจดหมายที่ส่งมาพร้อมกับรายงานจากกูเตอร์เรสว่า "ผิดปกติ" แดนนี่ ดาโนน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติกล่าวว่า "สหประชาชาติต้องเน้นไปที่อาชญากรรมสงครามและความรุนแรงทางเพศอันตกตะลึงของฮามาส และการปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมด" ขณะที่สถานทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติไม่ตอบสนองต่อคำขอให้ความเห็น

รายงานนี้เปิดเผยมิติใหม่ของความรุนแรงในสงครามสมัยใหม่ที่นอกเหนือไปจากการต่อสู้บนสนามรบ แต่กลับแฝงอยู่ในเงามืดของเรือนจำและสถานกักขัง