สำนักข่าว South China Morning Post รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวทางการทูตและรัฐบาลมาเลเซีย 4 รายว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ขอเป็นประธานการลงนามข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชาตอนเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียในเดือนนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสคว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
แหล่งข่าวเผยอีกว่า ทรัมป์ต้องการจัดพิธีพิเศษนอกรอบการประชุมสุดยอดอาเซียนเพื่อแสดงจุดยืนของเขาในการริเริ่มกระบวนการสันติภาพ
“ใช่ นั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขามากัวลาลัมเปอร์” แหล่งข่าวใกล้ชิดอาเซียนกล่าวถึงการเยือนของทรัมป์ โดยขอไม่เปิดเผยชื่อเนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หวังที่จะเจรจาเกี่ยวกับภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่เมืองหลวงของมาเลเซียระหว่างวันที่ 26-28 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะเพิ่มความสำคัญให้กับคำขอของทรัมป์ในการจัดพิธีลงนามสันติภาพ
เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้นำสหรัฐฯ กำลังปูทางเพื่อสร้างโอกาสรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปีนี้ โดยอ้างว่าสามารถยุติความขัดแย้งระดับโลก 7 ครั้งได้ในฐานะ “ผู้สร้างสันติภาพสูงสุด” นับตั้งแต่กลับเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อเดือนมกราคม
ตามรายงานของเว็บไซต์ข่าว Politico ในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นเว็บไซต์แรกที่รายงานเกี่ยวกับแผนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวว่า พิธีดังกล่าวเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ทรัมป์ต้องเข้าร่วมการประชุมสุดยอด
รายงานของ Politico ยังอ้างแหล่งข่าวทำเนียบขาวที่ระบุว่า ผู้จัดการประชุมสุดยอดได้รับการร้องขอให้ห้ามเจ้าหน้าที่จีนเข้าร่วมการประชุม
แหล่งข่าวอีกคนบอกกับรายการ This Week in Asia โดยขอสงวนนามเช่นกันว่า สหรัฐฯ ไม่ได้ยื่นคำขาดให้มาเลเซียซึ่งปีนี้นั่งเก้าอี้ประธานอาเซียนและเจ้าภาพการประชุมสุดยอด
“(พิธีลงนามข้อตกลงสันติภาพ) อาจเกิดขึ้นได้จริง แต่ยังไม่เสร็จสิ้น” แหล่งข่าวกล่าว และเสริมว่า ขึ้นอยู่กับว่าไทยจะยินยอมหรือไม่ด้วย
ทั้งนี้ คาดว่าการประชุมสุดยอดอาเซียนในปีนี้จะมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ เนื่องจากบรรดาผู้นำประเทศใหญ่ๆ จะเข้าร่วมด้วย อาทิ นายกรัฐมนตรี หลี่เฉียง ของจีน นายกรัฐมนตรี นเรนทระ โมดี ของอินเดีย ประธานาธิบดี ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ของบราซิล และประธานาธิบดี ซีริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้
นอกจากนี้ ยังคาดว่า ผู้นำอาเซียนทั้ง 10 ประเทศจะพยายามประชุมทวิภาคีกับทรัมป์เพื่อสร้างเงื่อนไขการค้าที่ดีขึ้นกับสหรัฐฯ ซึ่งเรียกเก็บภาษีระหว่าง 10-40 เปอร์เซ็นต์กับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคตั้งแต่เดือนสิงหาคม
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า การเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากภาษีศุลกากรทำให้ความต้องการของสหรัฐฯ สำหรับสินค้าส่งออกที่สำคัญของภูมิภาคลดลง ส่งผลให้อาเซียนต้องหาตลาดใหม่เพื่อเปลี่ยนเส้นทางการส่งออกอย่างน้อยบางส่วน
Photo by Anna Moneymaker / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP



