ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอังคาร (30 ก.ย.) ว่า หากเขาไม่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจากบทบาทในการแก้ไขปัญหาสงครามหลายครั้ง จะเป็น ‘การดูหมิ่น’ สหรัฐฯ
“คุณจะได้รับรางวัลโนเบลหรือไม่? ไม่แน่นอน พวกเขาจะมอบให้กับคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย...มันคงเป็นการดูหมิ่นประเทศของเราอย่างร้ายแรงหากผมบอกว่าไม่ต้องการมัน...ผมต้องการให้ประเทศชาติได้รับมัน ประเทศของเราควรได้รับมัน...”
— ทรัมป์กล่าวต่อหน้าเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของสหรัฐฯ หลายร้อยนาย
ทรัมป์ได้ย้ำคำกล่าวอ้างล่าสุดของตัวเองว่า เขาสามารถยุติสงครามได้ถึง 7 ครั้งนับตั้งแต่กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ในเดือนมกราคม และเสริมว่า หากแผนการในฉนวนกาซาที่เขาเปิดเผยร่วมกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ (29 ก.ย.) ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จ “เท่ากับว่าเรายุติสงครามได้ 8 ครั้ง ภายใน 8 เดือน ซึ่งนั่นถือว่าดีมาก” แต่ฮามาสยังไม่ได้ตอบรับต่อแผนการนี้
ดูเหมือนโอกาสที่ทรัมป์จะได้โนเบลไปครองนั้นค่อนข้าง ‘ริบหรี่’
โอกาสที่ทรัมป์จะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปีนี้ ถือว่าแทบจะเป็นศูนย์ “มันเป็นไปไม่ได้เลย”โอเอวินด์ สเตเนอร์เซน นักประวัติศาสตร์ผู้ทำการวิจัยและร่วมเขียนหนังสือเกี่ยวกับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เผยกับสำนักข่าว AFP
คณะกรรมการโนเบลแห่งนอร์เวย์ยืนยันว่าจะไม่ถูกชักจูงจากการประกาศศักดาของทรัมป์เพื่อให้ได้รับรางวัลนี้ “แน่นอนว่าเราสังเกตเห็นว่าสื่อให้ความสนใจรายชื่อผู้เข้าชิงบางคนเป็นอย่างมาก แต่นั่นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการหารือในคณะกรรมการที่กำลังดำเนินอยู่เลย” คริสเตียน เบิร์ก ฮาร์ปวิเคน เลขานุการคณะกรรมการ บอกกับ AFP
เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลทรัมป์ได้ระบุรายชื่อสงคราม 7 ครั้งที่อ้างว่า ทรัมป์มีส่วนช่วยให้สงครามยุติลง ได้แก่ สงครามระหว่างไทย และกัมพูชา, โคโซโวและเซอร์เบีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกและรวันดา, ปากีสถานและอินเดีย, อิสราเอลและอิหร่าน, อียิปต์และเอธิโอเปีย, อาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจาน
แต่ถึงแม้ทรัมป์จะรีบอ้างความดีความชอบอย่างรวดเร็ว เช่น การประกาศหยุดยิงระหว่างอินเดียและปากีสถานที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในเดือนพฤษภาคม แต่คำกล่าวอ้างหลายข้อนั้นเป็นเพียงบางส่วนหรือไม่ถูกต้อง
(Photo by Andrew Harnik / POOL / AFP)


