ทรัมป์เล็งตัดงบประมาณ ‘หน่วยงานของพรรคเดโมแครต’ ขู่ปลดพนักงานรัฐนับแสน

3 ต.ค. 2568 - 07:20

  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะหารือกับ รัสเซลล์ วอทท์ ผู้อำนวยการฝ่ายงบประมาณเพื่อพิจารณาว่าจะตัดงบของ ‘หน่วยงานของพรรคเดโมแครต’ ใดออกบ้าง เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ ชัตดาวน์หยุดทำงานเข้าสู่วันที่ 3 แล้ว

  • ทรัมป์ได้ระงับการจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการขนส่งสาธารณะและพลังงานสีเขียวของรัฐบาลกลางสำหรับรัฐที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตไปแล้ว และขู่ว่าจะปลดพนักงานรัฐบาลกลางออกอีกในช่วงที่รัฐบาลหยุดทำงาน

  • การหยุดทำงานชั่วคราวของรัฐบาลจะดำเนินต่อไปอย่างน้อยจนถึงวันศุกร์ (3 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันที่วุฒิสภาจะประชุมกันอีกครั้งเพื่อแก้ปัญหานี้ พรรครีพับลิกันของทรัมป์จะต้องได้เสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคเดโมแครตอย่างน้อย 7 คนเพื่อผ่านร่างกฎหมายงบประมาณได้

ทรัมป์เล็งตัดงบประมาณ ‘หน่วยงานของพรรคเดโมแครต’ ขู่ปลดพนักงานรัฐนับแสน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะหารือกับ รัสเซลล์ วอทท์ ผู้อำนวยการฝ่ายงบประมาณเพื่อพิจารณาว่าจะตัดงบของ ‘หน่วยงานของพรรคเดโมแครต’ ใดออกบ้าง เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ ชัตดาวน์หยุดทำงานเข้าสู่วันที่ 3 แล้ว 

ทรัมป์ได้ระงับการจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการขนส่งสาธารณะและพลังงานสีเขียวของรัฐบาลกลางสำหรับรัฐที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตไปแล้ว และขู่ว่าจะปลดพนักงานรัฐบาลกลางออกอีกในช่วงที่รัฐบาลหยุดทำงาน ซึ่งมีรายงานว่าทรัมป์กำลังวางแผนที่จะปลดพนักงานรัฐบาลกลาง 300,000 คนภายในสิ้นปีนี้ 

ทรัมป์กล่าวถึงการมีส่วนร่วมของของวอทท์กับโครงการ 2025 ซึ่งเป็นแผนของมูลนิธิเฮอริเทจ องค์กรอนุรักษนิยมที่เรียกร้องให้ลดขนาดรัฐบาลกลางลงอย่างรุนแรง รัฐบาลของทรัมป์ได้ดำเนินการตามแผนดังกล่าวในหลายด้านแล้ว เช่น การยุบกระทรวงศึกษาธิการ และการตัดทอนอำนาจของรัฐบาลในการต่อสู้กับมลพิษ 

แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวเผยว่า “ทรัมป์อาจปลดพนักงานออกหลายพันคน” แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ขณะเดียวกัน สหภาพแรงงานของรัฐบาลกลางหลายแห่งก็ได้ยื่นฟ้องเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ศาลรัฐบาลกลางอนุญาตให้การปลดพนักงานยังคงดำเนินต่อไปในขณะที่คดีที่คล้ายกันยังอยู่ระหว่างการพิจารณา 

วุฒิสมาชิกแพตตี เมอร์เรย์ สมาชิกพรรคเดโมแครตคนสำคัญในคณะกรรมาธิการจัดสรรงบประมาณ เตือนทรัมป์ว่า “การปลดพนักงานออกมากขึ้นจะไม่ช่วยยุติปัญหาทางกฎหมายที่ทำให้รัฐบาลต้องหยุดทำงาน...หากประธานาธิบดีปลดคนออกจำนวนมาก ไม่ใช่เพราะการชัตดาวน์ แต่เป็นเพราะทรัมป์ตัดสินใจไล่พวกเขาออก ผู้คนไม่ได้เป็นเครื่องมือต่อรอง และเป็นเรื่องน่าขยะแขยงที่ประธานาธิบดีปฏิบัติต่อพนักงานรัฐบาลกลางเหมือนเบี้ย...” เมอร์เรย์ โพสต์บนโซเชียลมีเดีย 

การชัตดาวน์รัฐบาล ซึ่งเป็นครั้งที่ 15 นับตั้งแต่ปี 1981 ได้ระงับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจ และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย แต่โครงการสวัสดิการสังคมขนาดใหญ่ เช่น ประกันสังคม จะยังคงจ่ายเงินต่อไป 

ความขัดแย้งในรัฐสภาทำให้งบประมาณสำหรับการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ถูกระงับไปราว 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 55 ล้านล้านบาท) ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1 ใน่ 4 ของงบประมาณประจำปีของรัฐบาลกลาง ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ในโครงการด้านสุขภาพและเกษียณอายุ รวมถึงดอกเบี้ยจากหนี้ที่เพิ่มขึ้น 37.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.2 หมื่นล้านล้านบาท) 

การหยุดทำงานชั่วคราวของรัฐบาลจะดำเนินต่อไปอย่างน้อยจนถึงวันศุกร์ (3 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันที่วุฒิสภาจะประชุมกันอีกครั้งเพื่อแก้ปัญหานี้ พรรครีพับลิกันของทรัมป์ครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา แต่กฎของวุฒิสภากำหนดว่าพวกเขาจะต้องได้เสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคเดโมแครตอย่างน้อย 7 คนเพื่อผ่านร่างกฎหมายงบประมาณได้ 

ในระหว่างนี้ ทรัมป์ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าเขาจะกดดันฝ่ายตรงข้ามโดยมุ่งเป้าไปที่โครงการของรัฐบาลที่ฝ่ายเดโมแครตสนับสนุน พรรคเดโมแครตกล่าวว่า “นี่เป็นการจับตัวประกันที่ทำให้ชาวอเมริกันทั่วไปตกงาน และยังละเมิดอำนาจตามรัฐธรรมนูญของรัฐสภาในการควบคุมการใช้จ่ายรัฐบาลกลางอีกด้วย” 

จนถึงขณะนี้ พรรครีพับลิกันแทบไม่แสดงความกังวลใดๆ โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลสามารถจัดลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายได้ตามที่เห็นสมควร หากรัฐสภาสละความรับผิดชอบในการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณ 

“เมื่อรัฐสภาระงับงบประมาณและงบประมาณหมดลง ก็ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจสูงสุด นั่นก็คือ ‘ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ’ ที่จะตัดสินใจว่าจะใช้ทรัพยากรเหล่านั้นอย่างไร”

ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวกับผู้สื่อข่าว  

(Photo by Andrew Harnik / POOL / AFP) 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์