ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามคำสั่งบริหารเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อผ่อนปรนกฎระเบียบสำหรับอุตสาหกรรมอวกาศเอกชน โดยยกเลิกการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมบางส่วน ซึ่งเป็นมาตรการที่คาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่ออีลอน มัสก์ อดีตที่ปรึกษาของเขา
เป้าหมายเพิ่มการปล่อยจรวดในสหรัฐฯ
คำสั่งบริหารฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ ‘เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ’ ต่อจำนวนการปล่อยจรวดในสหรัฐอเมริกา แม้ กลุมสิ่งแวดล้อมจะวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นนโยบายที่ ‘สะเพร่า’ ตั้งแต่กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม ทรัมป์ได้พูดถึงภารกิจอวกาศหลายโครงการ รวมถึงการส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์และดาวอังคาร
SpaceX ครองตลาดการปล่อยจรวดโลก
SpaceX ของมัสก์ครองตลาดการปล่อยจรวดทั่วโลก โดยจรวดขนาดต่างๆ ของบริษัทได้ปล่อยขึ้นไปกว่า 130 ครั้งในปีที่แล้ว และตัวเลขนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังจากคำสั่งบริหารของทรัมป์ ภารกิจดวงจันทร์และดาวอังคารวางแผนที่จะใช้จรวด Starship ขนาดมหึมาของ SpaceX บริษัทเอกชนของมัสก์
อย่างไรก็ตาม Starship เผชิญกับปัญหาหลายครั้ง โดยการทดสอบล่าสุดในเดือนมิถุนายนสิ้นสุดด้วยการระเบิดอย่างรุนแรง
ยกเลิกการตรวจสอบสิ่งแวดล้อม
คำสั่งบริหารระบุว่า นโยบายของสหรัฐอมериกาคือการสร้างความยิ่งใหญ่ของอเมริกาในอวกาศ ด้วยการเอื้อให้เกิดตลาดการปล่อยจรวดที่มีการแข่งขัน และเพิ่มความถี่ในการปล่อยจรวดเชิงพาณิชย์อย่างมีนัยสำคัญ ภายในปี 2030
การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นประโยชน์ต่อมัสก์ ผู้ที่สนับสนุนการลดกฎระเบียบอุตสาหกรรมอวกาศมาอย่างยาวนาน มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกเคยเป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดของทรัมป์ ก่อนทั้งคู่จะมีปัญหาขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในเดือนกรกฎาคม
องค์กรสิ่งแวดล้อมวิพากษ์วิจารณ์
คำสั่งบริหารยังเรียกร้องให้รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ฌอน ดัฟฟี่ ยกเลิกหรือเร่งกระบวนการตรวจสอบสิ่งแวดล้อม สำหรับการปล่อยจรวด SpaceX ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่ Starship จรวดที่ใหญ่และทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ ปล่อยขึ้นไป
ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในสหรัฐฯ กล่าวว่าคำสั่งบริหารใหม่ของทรัมป์ ‘นำไปสู่การทำลายพืชและสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองอย่างมหาศาล’ ในขณะที่ความฝันของมัสก์ในการตั้งอาณานิคมบนดาวอังคารขึ้นอยู่กับความสำเร็จของ Starship การแลกเปลี่ยนระหว่างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจะสมดุลกันได้หรือไม่?