เดวิด แคมรูซ์ นักวิจัยอาวุโสและศาสตราจารย์พิเศษของสถาบันวิจัย Sciences Po CERI เผยถึงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยืดเยื้อว่ามาจากการขาดเจตจำนงทางการเมืองในการแก้ไขปัญหา เพราะผู้นำประเทศทั้งสองฝ่ายต่างแสวงหาประโยชน์จากการทำสงคราม โดยฝ่ายนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล อยู่ในสถานการณ์เปราะบาง และอาจมีการเลือกตั้งเร็วๆ นี้ การปลุกกระแสรักชาติและการปกป้องดินแดนจึงอาจเป็นประโยชน์ต่อคะแนนเสียง ส่วน ฮุน มาเนต ต้องการเบี่ยงเบนความสนจจากปัญหาเก๊งสแกมเมอร์ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้มหาศาลให้กับตระกูลฮุนและพรรคพวก
แคมรูซ์บอกว่า ความจริงอาเซียนมีกลไกหาทางออกเรื่องเส้นแบ่งพรมแดนอยู่แล้ว รวมทั้งคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team– AOT) แต่ผู้นำทั้งสองฝ่ายไม่สนใจใช้ทางออกนี้ สำหรับฝ่ายไทย เพราะนายกฯ อนุทินมีแผนจะประกาศยุบสภาในวันที่ 12 ธ.ค. เขาจึงไม่สนใจกลไกของอาเซียน นายกฯ อนุทินพอใจกับการจัดการเลือกตั้งระดับชาติในระหว่างที่เกิดสงคราม การปลุกกระแสรักชาติและการปกป้องดินแดนจึงอาจเป็นประโยชน์ต่อคะแนนเสียง
ส่วน ฮุน มาเนต ก็ต้องการใช้ปัญหาชายแดนกับไทยกลบข่าวการปราบปรามอุตสาหกรรมสแกมเมอร์ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของพรรคการเมืองและตระกูลฮุน รายได้จากสแกมเมอร์มากกว่ารายได้จากการส่งออกสิ่งทอที่เป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญสุดของประเทศ
เมื่อถามว่ากัมพูชาจะตอบโต้อย่างไรกับท่าทีที่แข็งกร้าวของไทย แคมรูซ์บอกว่า กัมพูชาไม่มีกองทัพอากาศ ทำให้เสียเปรียบไทยอย่างมาก แต่ทั้งสองประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนักด้านเศรษฐกิจ คนงานกัมพูชาในไทยเคยส่งเงินจำนวนมากกลับบ้านเกิด แต่ตอนนี้แรงงานเหล่านี้เดินทางกลับบ้านหมดแล้ว ส่วนไทยซึ่งมีประชากรเกิดใหม่น้อยลงก็จำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานจากกัมพูชา นักท่องเที่ยวก็ไม่อยากมาไทยตอนที่มีสงคราม
แคมรูซ์บอกว่า สงครามที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้เป็นสงครามที่โง่เขลามาก ทั้งสองฝ่ายต้องเสียประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ แต่เพราะกระแสความรักชาติที่เกิดจากการปลุกปั่นของนักการเมืองที่เห็นแก่ตัวในทั้งสองประเทศ ทำให้มีโอกาสน้อยที่จะยุติสงครามครั้งนี้ด้วยดี
สำหรับทางออก แคมรูซ์มองว่า อาเซียนต้องเข้ามามีบทบาทจริงจังในการส่งผู้สังเกตการณ์อิสระและผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิค (อาจจะมาจากฝรั่งเศสหรือตะวันตก) เข้ามาช่วยร่างแผนที่ชายแดนให้ชัดเจนและเป็นที่ยอมรับร่วมกันทั้งสองฝ่าย
เพตรา อัลเดอร์แมน นักวิเคราะห์ที่เชี่ยวชาญเรื่องเอเชียตะวันอกเฉียงใต้มองว่า นายกฯ อนุทินกำลังซื้อเวลา เขาเข้าดำรงตำแหน่งพร้อมกับสัญญาว่าจะยุบสภาภายในเดือนม.ค. คะแนนเสียงก็ไม่ค่อยดีในตอนนี้ ปัญหาน้ำท่วมทำลายโอกาสที่จะชนะเลือกตั้งของเขา การทำสงครามจึงเป็นแนวทางที่จะช่วยเพิ่มคะแนนเสียง ทำให้คนเห็นว่าเขาเป็นนายกฯ ที่แข็งแกร่ง ไม่ยอมให้กัมพูชามากดดันแต่อย่างใด ส่วนกัมพูชาก็มีปัญหาภาพลักษณ์เนื่องจากอุตสาหกรรมสแกมเมอร์ และถูกกดดันจากนานาชาติ รวมทั้งไทย และการกดดันให้สอบสวนอย่างเป็นอิสระเรื่องการใช้ทุ่นระเบิดตามแนวพรมแดนไทย-กัมพูชา



