ลูคัส ลินเน โฆษกสำนักงานบริหารจัดการยุทโธปกรณ์ทางการทหารแห่งสวีเดน (FMV) เผยกับสำนักข่าว Breaking Defense ว่า พิธีลงนามอย่างเป็นทางการระหว่างไทยกับสวีเดน ในการซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพน JAS-39 ล็อตใหม่ น่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน ส.ค. นี้ โดยจะมีผู้แทนจาก FMV รัฐบาลสวีเดน บริษัท Saab และเจ้าหน้าที่จากไทยร่วมเป็นสักขีพยาน
ลินเนกล่าวว่า “ตอนนี้ผมไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดเรื่องนี้” และเสริมว่า ข้อตกลงจะยังไม่สรุปจนกว่าจะมีการลงนามในสัญญา
ขณะที่ Saab ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับการเจรจาสัญญา เช่น จำนวนเครื่องบิน มูลค่าการสั่งซื้อ หรือประเด็นอื่นๆ ของการหารือ
มัททิอัส รอดสตรอม โฆษกของ Saab เผย กับ Breaking Defense ว่า “การหารือยังคงดำเนินต่อไป” ระหว่าง FMV รัฐบาลไทย และ Saab เนื่องจากเป็นกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล “เราหวังว่าจะสรุปการหารือเหล่านี้ได้ในเร็วๆ นี้” และว่า “แน่นอนว่าเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับ Saab และสวีเดน ที่ประเทศไทยยังคงแสดงความสนใจอย่างมากใน Gripen E/F ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ในอนาคต”
Breaking Defense ระบุว่า สถานะของการเจรจาซื้อขายดังกล่าวถูกตั้งคำถามหลังจากมีรายงานว่าประเทศไทยใช้เครื่องบิน Gripen ที่สวีเดนจัดหาให้ในการสู้รบกับกัมพูชาเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ซึ่งก่อนหน้านี้ มาเรีย มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด รัฐมนตรีต่างประเทศสวีเดนเผยว่า รัฐบาล “กำลังติดตามความคืบหน้าของความขัดแย้งบริเวณชายแดนอย่างใกล้ชิด” โดยไม่ได้ยืนยันว่าข้อตกลงยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
กฎระเบียบของสวีเดนเกี่ยวกับการส่งออกยุทโธปกรณ์มีข้อจำกัดอย่างมาก ซึ่งกฎข้อบังคับปัจจุบันกำหนดว่า ไม่ควร “อนุญาตให้รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางอาวุธกับรัฐอื่น”
อย่างไรก็ตาม กฎระเบียบปัจจุบันอยู่ระหว่างการทบทวน เนื่องจากสวีเดนเข้าร่วมนาโตเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากกฎระเบียบดังกล่าวสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ของสวีเดนที่ไม่ได้สังกัดพันธมิตรทางทหารอย่างเป็นทางการมาเป็นเวลากว่า 200 ปี
ปีเตอร์ เวเซแมน นักวิเคราะห์ของสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม (SIPRI) ระบุว่า ก่อนหน้านี้สวีเดนได้จัดส่งเครื่องบิน Gripen C/D จำนวน 12 ลำให้ไทย “โดยรู้ว่าประเทศไทยมีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาและเมียนมา มีความขัดแย้งภายในที่รุนแรง และรู้ว่ากองทัพไทยมีบทบาทที่น่าสงสัยอย่างยิ่งในการพัฒนาประชาธิปไตยที่มีปัญหาในประเทศไทย”
เวเซแมน เผยกับ Breaking Defense ว่า นั่นแสดงให้เห็นว่า “กฎระเบียบการส่งออกอาวุธของสวีเดนได้รับการตีความอย่างกว้างขวาง”
ขณะที่หน่วยงานตรวจสอบผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์ (ISP) ของสวีเดน แจ้งต่อ Breaking Defense ว่า ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีเฉพาะหรือการประเมินของประเทศผู้รับที่เฉพาะเจาะจงได้ เนื่องจากเป็นความลับ
เพอร์นิลลา โอสตรอม โฆษกของ ISP เผยว่า ในระหว่างกระบวนการพิจารณา “จะมีการประเมินสถานการณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องอย่างครอบคลุม โดยพิจารณาจากเหตุผลด้านนโยบายด้านกลาโหมและความมั่นคงที่สนับสนุนการอนุมัติ และเหตุผลด้านนโยบายต่างประเทศที่คัดค้านการอนุมัติ การประเมินดังกล่าวครอบคลุมถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ประเทศผู้รับมีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่สงบทางอาวุธหรือความขัดแย้งทางอาวุธหรือไม่”
Photo by Jonathan NACKSTRAND / AFP
