การอนุมัติด้านพลังงานครั้งประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่น จ่อกลับมาเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คาชิวาซากิ–คาริวะ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกครั้งหลังหยุดยาว 13 ปี โดยล่าสุด ฮิเดโย ฮานาซูมิ ผู้ว่าการจังหวัดนีงาตะ ประกาศอนุมัติการเริ่มเดินเครื่องบางส่วนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวสำคัญครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ในปี 2011
โรงไฟฟ้าแห่งนี้ดำเนินงานโดยบริษัท Tokyo Electric Power (Tepco) ณ ขณะนี้เหลือการรอการอนุมัติจากสภาจังหวัด และการประเมินขั้นสุดท้ายจากหน่วยงานกำกับดูแลนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น ก่อนที่จะสามารถเริ่มเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์หมายเลข 6 และ 7 ได้จริง
ความเป็นมาของการหยุดเดินเครื่อง
คาชิวาซากิ–คาริวะ ถูกปิดดำเนินงานหลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ ในปี 2011 ที่ทำให้เตาปฏิกรณ์ 3 ชุดของฟุกุชิมะหลอมละลาย ส่งผลให้รัฐบาลญี่ปุ่นสั่งปิดเตาปฏิกรณ์ทั้งหมด 54 เครื่องทั่วประเทศในเวลานั้น ประชาชนกว่า 150,000 คนต้องอพยพ และ Tepco เผชิญภาระค่าเสียหายจำนวนมหาศาล
แม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะเขย่าอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น แต่ประเทศที่ขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติอย่างญี่ปุ่น ยังคงต้องการฟื้นฟูพลังงานนิวเคลียร์เพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ต้องนำเข้าเกือบทั้งหมด ซึ่งมีค่าใช้จ่ายมากถึงประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ต่อวัน
มาตรการความปลอดภัยใหม่หลังฟุกุชิมะ
คาชิวาซากิ–คาริวะ ซึ่งมีพื้นที่กว่า 400 เฮกตาร์ (2,500 ไร่) บนชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น ได้รับการปรับปรุงด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่ มีกำแพงป้องกันสึนามิสูง 15 เมตร ระบบไฟฟ้าสำรองที่ติดตั้งบนพื้นที่สูง และระบบป้องกันความเสี่ยงหลายชั้นตามมาตรฐานใหม่ของญี่ปุ่น
มาตรฐานด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดนี้ทำให้เตาปฏิกรณ์ 14 เครื่องในหลายภูมิภาคกลับมาเดินเครื่องได้อีกครั้งนับตั้งแต่ปี 2011

ความต้องการพลังงานพุ่งสูงจากศูนย์ข้อมูลและเทคโนโลยี AI
ผู้ว่าฯ ฮานาซูมิ ระบุว่าความต้องการไฟฟ้าของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมากจากอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ ทำให้ยากที่จะปฏิเสธโครงการที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยและการตรวจสอบแล้วอย่างเข้มงวด
รัฐมนตรีอุตสาหกรรมญี่ปุ่น เผยว่าเตาปฏิกรณ์หมายเลข 6 ซึ่งเป็นเป้าหมายการเดินเครื่องอันดับแรก สามารถช่วยเสริมเสถียรภาพไฟฟ้าในพื้นที่โตเกียวได้ถึง 2% ขณะที่สองเตาปฏิกรณ์รวมกันมีกำลังผลิตกว่า 2,700 เมกะวัตต์ คิดเป็น 1 ใน 3 ของกำลังผลิตโรงไฟฟ้าทั้งหมด
ประชาชนยังเสียงแตก
ผลสำรวจล่าสุดของจังหวัดนีงาตะ พบว่า
- ประชาชน 50% สนับสนุน ให้กลับมาเดินเครื่อง
- ประชาชน 47% ไม่เห็นด้วย
- ประชาชน 70% ยังไม่ไว้วางใจ Tepco ผู้ดำเนินงานโรงไฟฟ้า หลังจากบริษัทเคยเผชิญวิกฤตร้ายแรงในอดีต
ด้านฮานาซูมิ เห็นว่าการให้ข้อมูลที่โปร่งใส การตรวจสอบเข้มข้น และระบบความปลอดภัยที่พัฒนาใหม่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน

ทิศทางพลังงานของญี่ปุ่น
ตั้งเป้านิวเคลียร์ 20% ปี 2040 มุ่งสู่ Carbon Neutral และ Net Zero
ก่อนเหตุการณ์ฟุกุชิมะ พลังงานนิวเคลียร์เคยผลิตไฟฟ้าราว 1 ใน 3 ของประเทศ แต่ปัจจุบันญี่ปุ่นพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลมากถึง 70% ในปี 2023 และต้องนำเข้าพลังงานมูลค่าเกือบ 500 ล้านดอลลาร์ต่อวัน
รัฐบาลญี่ปุ่นจึงตั้งเป้าลดสัดส่วนการใช้พลังงานฟอสซิลลงเหลือราว 30–40% ใน 15 ปีข้างหน้า พร้อมผลักดันให้ “พลังงานหมุนเวียน” เป็นสัดส่วนหลักและให้ “พลังงานนิวเคลียร์” กลับมาถึงระดับ 20% ภายในปี 2040 เพื่อเดินหน้าสู่ประเทศที่ทีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ในปี 2050
บทวิเคราะห์: การเดินเครื่องใหม่สะท้อนภาพใหญ่ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น
การกลับมาเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของโลกครั้งนี้ นอกจากเป็นการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าให้ประเทศ ยังเป็นส่วนสำคัญของยุทธศาสตร์พลังงานครั้งใหม่ของญี่ปุ่นในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ “พลังงานสะอาด”
ญี่ปุ่น ซึ่งพึ่งพาการนำเข้าพลังงานฟอสซิลเกือบทั้งหมดของประเทศ กำลังเผชิญต้นทุนพลังงานที่สูงและความเสี่ยงจากตลาดโลก การฟื้นฟูนิวเคลียร์จึงถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดค่าไฟ เพิ่มเสถียรภาพของระบบพลังงาน และตอบสนองความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจดิจิทัล
หากพิจารณาในมุมมองด้านสิ่งแวดล้อม “พลังงานนิวเคลียร์” เป็นแหล่งพลังงานที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำมาก จึงมีบทบาทสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) และนำไปสู่การปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์(Net Zero) เพื่อให้สอดรับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน อาทิ SDG 7: พลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้ และ SDG 13: การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สัญญาณฟื้นตัวของภาคนิวเคลียร์ญี่ปุ่น
หากคาชิวาซากิ–คาริวะ เดินเครื่องได้จริงในปี 2026 นักวิเคราะห์คาดว่าญี่ปุ่นอาจลดการนำเข้า LNG ได้กว่า 4 ล้านตันต่อปี ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงด้านพลังงานและภาระต้นทุนนำเข้าอย่างมีนัยสำคัญ
แม้ยังมีคำถามเรื่องความปลอดภัยและบทเรียนจากฟุกุชิมะ แต่การเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของญี่ปุ่น ในการปรับสมดุลระหว่างความมั่นคงพลังงาน ความปลอดภัย เป้าหมายลดคาร์บอน และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว



