วิจัยพบยุงกลายพันธุ์ในประเทศเพื่อนบ้านไทยหวั่นแพร่ไปที่อื่นด้วย

12 ม.ค. 2566 - 07:48

  • ค้นพบยุงลายกลายพันธุ์ในกัมพูชาและเวียดนามเป็นจำนวนมาก ชนิดที่ยาฆ่าแมลงยอดนิยมบางตัวไม่สามารถฆ่าพวกมันได้

  • ยุงบางสายพันธุ์มีความต้านทานถึง 1,000 เท่า เมื่อเทียบกับครั้งก่อนๆ แค่ 100 เท่า

  • ทำให้เกิดความกังวลว่าต้องหาวิธีการควบคุมใหม่ก่อนที่การกลายพันธุ์จะแพร่กระจายไปทั่วโลก

Super_resistant_mosquitoes_in_Asia_pose_growing_threat_SPACEBAR_Thumbnail_6a1f3ae676.jpeg
สำนักข่าว AFP รายงานว่า งานวิจัยใหม่เตือน ขณะนี้ยุงที่เป็นพาหะนำเชื้อไข้เลือดออกและไวรัสชนิดอื่นๆ กำลังกลายพันธุ์ ซึ่งทำให้พวกมันทนต่อยาฆ่าแมลงได้ในหลายพื้นที่ของเอเชีย อีกทั้งยังบอกอีกว่าการค้นหาวิธีการใหม่ๆ ในการควบคุมพวกมันนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง  

ทั้งนี้ หน่วยงานสาธารณสุขมักจะพ่นหมอกควันยาฆ่าแมลงในบริเวณที่มียุงชุกชุม และการดื้อยาเป็นเรื่องที่น่ากังวลมานานแล้ว  

ชินจิ คาไซ นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นและผู้อำนวยการภาควิชากีฏวิทยาทางการแพทย์แห่งสถาบันโรคติดเชื้อแห่งชาติของญี่ปุ่น พร้อมทั้งทีมของเขาได้วิเคราะห์ยุงจากหลายประเทศในเอเชียรวมถึงกานา ซึ่งพบว่า พวกมันกลายพันธุ์หลายครั้งจนทำให้สารเคมีบางชนิดที่มีส่วนผสมของไพรีทรอยด์ เช่น ยาฆ่าแมลงเพอร์เมทรินไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ 

“ในกัมพูชา ยุงลายบ้าน (Aedes aegypti) มากกว่า 90% มีการกลายพันธุ์ร่วมกัน ซึ่งส่งผลให้เกิดการทนทานต่อยาในระดับที่สูงมาก…ระดับการดื้อยาที่เราพบในยุงกัมพูชาและเวียดนามนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง” คาไซ กล่าวกับ AFP นอกจากนี้ เขายังพบว่ายุงบางสายพันธุ์มีความต้านทานถึง 1,000 เท่า เมื่อเทียบกับครั้งก่อนๆ แค่ 100 เท่าเพียงเท่านั้น 

นั่นหมายว่า ระดับยาฆ่าแมลงที่ปกติจะฆ่ายุงได้เกือบ 100% แต่จากงานวิจัยใหม่นี้ชี้ให้เห็นว่าฆ่าแมลงได้เพียง 7% เท่านั้น และสำหรับยาที่แรงกว่า 10 เท่า ก็ยังฆ่ายุงที่ทนทานต่อยาได้เพียง 30% 

ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า ไวรัสเด็งกีนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคไข้เลือดออกซึ่งแพร่เชื้อได้ประมาณ 100-400 ล้านคนต่อปี แม้ว่ากว่า 80% ของผู้ป่วยจะไม่รุนแรงหรือไม่แสดงอาการก็ตาม  

อย่างไรก็ดี มีการพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออกมาหลายตัว และนักวิจัยยังใช้แบคทีเรียที่ฆ่าเชื้อยุงเพื่อจัดการกับไวรัสตัวดังกล่าวนี้ด้วย แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีทางเลือกใดที่ใกล้เคียงกับการกำจัดไข้เลือดออก ยุงลายบ้านที่เป็นพาหะนำโรคอื่นๆ รวมถึงซิกาและไข้เหลืองเลย 

นอกจากนี้ยังตรวจพบการดื้อยาในยุงอีกประเภทหนึ่งคือ ยุงลายสวน (Aedes albopictus) แม้ว่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าก็ตาม อาจเป็นเพราะพวกมันมีแนวโน้มที่จะหากินนอกบ้าน ส่วนใหญ่มักจะดูดเลือดจากสัตว์มากกว่า ทำให้สัมผัสกับยาฆ่าแมลงน้อยกว่ายุงลายบ้านนั่นเอง 

จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องคิดหาวิธีใหม่ในการกำจัดยุง 

การวิจัยใหม่พบว่าการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมหลายอย่างเชื่อมโยงกับการดื้อยา ซึ่งระดับการดื้อยาก็มีความแตกต่างกันด้วย โดยพบว่ายุงจากกานารวมถึงบางส่วนของอินโดนีเซียและไต้หวันยังคงค่อนข้างไวต่อสารเคมีในปริมาณที่สูงขึ้น

“การวิจัยแสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์ที่ใช้กันทั่วไปอาจไม่ได้ผลอีกต่อไป…มีหลักฐานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่าอาจไม่มีที่สำหรับสูตรยาฆ่าแมลงในปัจจุบันในการควบคุมประชากรยุง เราจำเป็นต้องใช้สารเคมีชนิดใหม่ แต่เจ้าหน้าที่และนักวิจัยจำเป็นต้องคิดหาวิธีอื่นในการปกป้องชุมชน รวมถึงวัคซีนด้วย” คาเมรอน เว็บบ์ รองศาสตราจารย์และนักวิจัยยุงจาก NSW Health Pathology และมหาวิทยาลัยซิดนีย์กล่าวกับ AFP 

ด้าน คาไซ กล่าวเสริมว่า "เรากำลังคิดเกี่ยวกับการใช้ยาฆ่าแมลงแบบหมุนเวียน...ซึ่งมีสถานที่เป้าหมายที่แตกต่างกัน ปัญหาคือเราไม่มียาหลายชนิดที่เราสามารถใช้ได้…เรากังวลว่ายุงที่มีการกลายพันธุ์ซึ่งเราพบในการศึกษานี้จะแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของโลกในอนาคตอันใกล้" 

ทั้งนี้ การกลายพันธุ์จนเกิดการดื้อยานั้นเกิดขึ้นเมื่อใดและที่ใดยังคงเป็นปริศนา แต่ขณะนี้ คาไซกำลังขยายการวิจัยไปที่อื่นในเอเชีย และตรวจสอบตัวอย่างล่าสุดจากกัมพูชาและเวียดนามเพื่อดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากช่วงการศึกษาปี 2016-2019 หรือไม่

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์