นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าว Al jazeera ในประเด็นสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่ปะทุขึ้นใหม่อีกครั้ง
เมื่อถูกถามว่า “ทำไมทั้งสองประเทศถึงสู้รบกัน?” นายสีหศักดิ์ก็ตอบว่า “ก่อนอื่นเลย ผมอยากจะบอกว่า ประเทศไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มการปะทะกัน แต่ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน และตอนนี้การปะทะกันก็ยังคงดำเนินต่อไป”
“เราตกลงที่จะดำเนินมาตรการหลายอย่างเพื่อคืนสันติภาพในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศของเรา แต่ฝ่ายกัมพูชากลับละเมิด ‘ปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์’ ด้วยการวางทุ่นระเบิดใหม่ ทำให้ทหารของเราไปเหยียบทุ่นระเบิดนั้น ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว แต่เป็นครั้งที่ 7 แล้ว หลังจากนั้น พวกเขาก็ยังคงปล่อยข่าวเท็จว่า ‘ประเทศไทยเป็นฝ่ายรุกรานพวกเขาที่เป็นประเทศเล็กกว่า’ แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว เราพยายามอย่างเต็มที่ที่จะ ‘ยับยั้งชั่งใจ’ และเป็นฝ่ายกัมพูชาเองที่กระทำการยั่วยุจนนำไปสู่การปะทะกันในปัจจุบัน”
อย่างไรก็ดี นักข่าว Al jazeera ตั้งข้อสังเกตว่า “กัมพูชามีขนาดกองทัพเล็กกว่ามากเมื่อเทียบกับไทย แต่ประเด็นหลักๆ เหมือนจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มปราสาทหินโบราณที่อ้างอิงตามแผนที่อาณานิคมปี 1907 (พ.ศ. 2450) ซึ่งไทยปฏิเสธ และในปี 1962 (พ.ศ. 2505) ศาลโลก (ICJ) ก็ยังตัดสินให้ปราสาทเหล่านั้น และพื้นที่โดยรอบเป็นของกัมพูชา ทำไมไทยถึงไม่ยอมรับในประเด็นนี้?”
นายสีหศักดิ์ตอบว่า
“แล้วทำไมกัมพูชาถึงไม่ยอมรับความจริงที่ว่าปราสาทเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในดินแดนกัมพูชาทั้งหมด?...ปราสาทที่คุณพูดถึงมีคำตัดสินของศาลโลกจริงๆ เราไม่ได้โต้แย้งว่าปราสาทเป็นของกัมพูชา แต่ยังมีปราสาทอื่นๆ ตามแนวชายแดน ซึ่งหลายแห่งอยู่ในฝั่งไทย...ปราสาทเหล่านี้เป็นของอารยธรรมขอม ซึ่งไม่ได้เป็นของกัมพูชาเพียงฝ่ายเดียว คุณต้องเข้าใจว่า อารยธรรมขอมนั้นก็ปรากฏอยู่ในไทย เวียดนาม และอินโดนีเซียด้วย ผมจึงขอปฏิเสธว่าปราสาทเหล่านี้เป็นของกัมพูชา”
นักข่าว Al jazeera ถามอีกว่า “ตอนนี้มีข่าวว่าไทยไม่ต้องการที่จะเจรจา ดังนั้นจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ทั้งสองประเทศหยุดการสู้รบกัน?”
นายสีหศักดิ์ก็ตอบว่า “เราเปิดรับการเจรจาเสมอ แต่ว่าการเจรจานั้นก็ต้องเกิดจากความเต็มใจของทั้งสองฝ่ายใช่ไหม เรามีข้อตกลงร่วมกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งสหรัฐฯ และมาเลเซียเป็นผู้ไกล่เกลี่ย และเราก็แจ้งกับสหรัฐฯ ตั้งแต่แรกแล้วว่า เราต้องการการเจรจาเพื่อสันติภาพที่แท้จริง ไม่ใช่แค่ ‘แผ่นกระดาษ’ ที่ลงนามเพียงอย่างเดียว”
“สิ่งที่เราต้องการคือ ความมุ่งมั่นและความพร้อมจากฝั่งกัมพูชาในการเจรจาสันติภาพ แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า พวกเขายังไม่พร้อม คุณต้องเข้าใจว่า พวกเขาพูดว่าพร้อมในทางทฤษฎี แต่การกระทำกลับตรงกันข้ามเลย”
— นายสีหศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ นักข่าว Ai jazeera ยังพูดถึงคนกลางอย่างจีน ร่วมกับมาเลเซีย หรือประเทศอื่นๆ จะมาช่วยไกล่เกลี่ยได้ไหม?
นายสีหศักดิ์ย้ำว่า “โดยหลักการแล้ว การไกล่เกลี่ยต้องขึ้นอยู่กับความเต็มใจของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายต้องพร้อมที่จะเข้าร่วมการไกล่เกลี่ย แต่เรายังไม่เห็นความจริงใจจากกัมพูชา พอเกิดการปะทะขึ้น พวกเขากลับบอกให้ทุกฝ่ายอดทนและยับยั้งชั่งใจ แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่พวกเขาทำกลับตรงกันข้าม”
“สำหรับไทย พวกเราไม่ใช่ประเทศที่รุกราน เราเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ยังคงรักษาความเป็นเอกราชได้ และนั่นก็เพราะ ‘การทูต’ ของเรา เราเชื่อในการทูตเสมอ ดังนั้นในกรณีนี้ เราก็ยังเชื่อในการทูต แต่ก้าวแรกต้องมาจากฝั่งกัมพูชา พวกเขาต้องหยุดวิธีการที่ทำอยู่ตอนนี้ พวกเขาเอาแต่พูดเรื่องสันติภาพ แต่กลับทำสิ่งตรงข้าม”
“การทูตจะได้ผลก็ต่อเมื่อสถานการณ์เปิดโอกาสให้กับการทูต แต่เราเสียใจที่ตอนนี้เรายังไม่เห็นช่องทางนั้น เราหวังว่าสงครามจะจบโดยเร็วที่สุด...ความขัดแย้งและปฏิบัติการทางทหารที่เกิดขึ้นตอนนี้ ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมากต่อทั้งสองฝ่าย ซึ่งมันไม่ดีเลย”
“แต่เราต้องการให้ฝั่งกัมพูชาแสดงความพร้อมที่จะหยุดการกระทำเหล่านั้น และจากนั้นเราก็จะพิจารณาถึงโอกาสของการทูตและการเจรจา”
— นายสีหศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย



