หลายประเทศในอาเซียน ‘โล่งใจ’ ภาษีทรัมป์ต่ำกว่าที่คาด! ลดความเสี่ยงแข่งขันการค้าไม่เป็นธรรม

2 ส.ค. 2568 - 07:11

  • ประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างแสดงความโล่งใจหลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศภาษีนำเข้าสินค้าในอัตราที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มากเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งประเทศส่วนใหญ่โดนเรียกเก็บในอัตราที่ใกล้เคียงกันที่ประมาณ 19% ต่ำสุด 10% และสูงโดดไปถึง 40%

  • ขณะที่กลุ่มธุรกิจและรัฐบาลต่างพากันใจชื้น และกล่าวว่าอัตราภาษีที่เท่าๆ กันช่วยให้มั่นใจถึงความสามารถในการแข่งขันทางการค้า

หลายประเทศในอาเซียน ‘โล่งใจ’ ภาษีทรัมป์ต่ำกว่าที่คาด! ลดความเสี่ยงแข่งขันการค้าไม่เป็นธรรม

ประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างแสดงความ ‘โล่งใจ’ หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศภาษีนำเข้าสินค้าในอัตราที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มากเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งประเทศส่วนใหญ่โดนเรียกเก็บในอัตราที่ใกล้เคียงกันที่ประมาณ 19% ต่ำสุด 10% และสูงโดดไปถึง 40% 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นโยบายภาษีทรัมป์สร้างความสั่นคลอนให้กับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ต้องพึ่งพาการส่งออกและการผลิตเป็นหลัก ประกอบกับหลายพื้นที่ในภูมิภาคนี้ได้รับแรงหนุนจากการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานจากจีน 

อินโฟกราฟฟิกโดย : กนกวรรณ หิรัญกวินกุล
อินโฟกราฟฟิกโดย : กนกวรรณ หิรัญกวินกุล

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีมูลค่าเศรษฐกิจรวมกันมากกว่า 3.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 123 ล้านล้านบาท) ต่างก็เร่งเสนอสัมปทานและบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของภูมิภาคนี้ ทั้งยังแข่งขันกันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดระหว่างกัน 

กระทรวงการค้ามาเลเซียกล่าวว่า “อัตราภาษีที่ลดลงจาก 25% ซึ่งเป็นระดับที่เสี่ยง ถือเป็นผลลัพธ์เชิงบวกโดยไม่กระทบต่อสิ่งที่เรียกว่า ‘Red line items’ขณะที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย พิชัย ชุณหวชิร เผยว่า “การลดภาษีจาก 36% เหลือ 19% จะช่วยบรรเทาความยากลำบากของเศรษฐกิจไทยในช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับความท้าทายระดับโลก สิ่งนี้ช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขันของไทยบนเวทีโลก เพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุน และเปิดประตูสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ รายได้ที่เพิ่มขึ้น และโอกาสใหม่ๆ” 

ซุน จันทอล รองนายกฯ และผู้นำการเจรจาการค้าของกัมพูชาเผยว่า “หากสหรัฐฯ ยังคงรักษาอัตราภาษีไว้ที่ 49% หรือ 36% อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มของกัมพูชาก็คงจะล่มสลายไปในความเห็นของผม” 

นักลงทุนต่างพากันใจชื้น! 

(Photo by JUSTIN SULLIVAN / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP)
(Photo by JUSTIN SULLIVAN / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP)

กลุ่มธุรกิจในประเทศไทยและมาเลเซียต่างก็พอใจกับอัตราภาษีที่ทรัมป์ประกาศ นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการรักษาสถานะเดิมระหว่างตลาดคู่แข่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือตลาดที่ได้รับประโยชน์จากการค้าที่เรียกว่า ‘จีนบวกหนึ่ง’ (แนวทางที่ธุรกิจต่างๆ ใช้เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาจีนเพียงแห่งเดียวในการผลิตและจัดหา / China Plus One) 

“มันดีมาก เรา (ไทย) อยู่ในระดับเดียวกับอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ แถมยังต่ำกว่าเวียดนาม...เราพอใจ” วีระชัย เลิศลักษณ์ปรีชา จาก Star Microelectronics (SMT.BK) บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ กล่าว 

ขณะที่ ชูเกียรติ โอภาสวงศ์ จากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยว่า “อัตราภาษีที่ใกล้เคียงกับเวียดนามจะช่วยรักษาส่วนแบ่งตลาดสหรัฐฯ ไว้ได้” 

“ภาษีศุลกากรล่าสุดนี้จะช่วยปรับระดับการแข่งขัน ผมไม่เห็นว่าบริษัทเหล่านี้จะทำอะไรเป็นพิเศษ ตอนนี้ธุรกิจยังคงดำเนินไปตามปกติ จนกว่าพวกเขาจะหาทางออกที่ดีที่สุดต่อไปได้” หว่อง ซิ่ว ไห่ ประธานสมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มาเลเซีย กล่าว 

อย่างไรก็ดี รัฐบาลทรัมป์ยังคงต้องพิจารณาอีกมาก รวมถึงอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี กฎเกณฑ์เกี่ยวกับแหล่งกำเนิดสินค้า และสิ่งที่ถือว่าเป็นการถ่ายโอนสินค้าผ่านประเทศที่ 3 เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งเป็นมาตรการที่มุ่งเป้าไปที่สินค้าที่มาจากจีน หากประเทศใดฝ่าฝืนจะโดนเก็บภาษีเพิ่มอีก 40% 

เวียดนามมีดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มูลค่ามากกว่า 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.9 ล้านล้านบาท) ในปีที่แล้ว และมักถูกมองว่าเป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนเส้นทางสินค้าจีนไปยังสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย 

ขณะเดียวกัน เวียดนามก็ยังเป็นผู้ริเริ่มการเจรจาการค้าและบรรลุข้อตกลงในเดือนกรกฎาคม ซึ่งปิดดีลด้วยการลดอัตราภาษีนำเข้าจาก 46% เหลือ 20% แต่ธุรกิจบางแห่งยังคงมีความกังวลว่าการพึ่งพาวัตถุดิบและส่วนประกอบที่นำเข้าจากจีนอย่างมากอาจนำไปสู่การใช้อัตราภาษี 40% ในวงกว้างขึ้น 

“นี่แหละคือปัญหาจริงๆ” นักธุรกิจชาวเวียดนามคนหนึ่งไม่เปิดเผยชื่อ กล่าว 

แอนดรูว์ เซิง จากสถาบันเอเชียโกลบอล มหาวิทยาลัยฮ่องกง เผยว่า “จากอัตราภาษีที่ใกล้เคียงกันนี้ ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ควรรู้สึกโล่งใจที่ความไม่แน่นอนด้านนโยบายได้ผ่านไปแล้ว...การประกาศภาษีครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็น ‘ศิลปะการเจรจาของทรัมป์’ ซึ่งมีทั้งการโฆษณาเกินจริง การข่มขู่มากมาย และในท้ายที่สุดก็มีการเสนอข้อตกลงที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกว่าข้อตกลงนี้ดูสมเหตุสมผล” 

(Photo by JUSTIN SULLIVAN / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP) 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์