การเจรจาสนธิสัญญาระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับมลภาวะพลาสติกระดับโลกที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ยังไม่บรรลุข้อตกลง แม้จะมีการนำเสนอร่างข้อตกลงประนีประนอมใหม่ หลังจากการเจรจายาวนาน 3 ปีระหว่างตัวแทนจาก 185 ประเทศทั่วโลก
ข้อเสนอใหม่ยังมีจุดขัดแย้งมากกว่า 100 จุด
หลุยส์ วายาส วัลดิวิเอโซ ประธานการเจรจาจากประเทศเอกวาดอร์ ได้นำเสนอร่างสนธิสัญญาฉบับใหม่หลังจากถึงกำหนดเส้นตายวันพฤหัสบดีแล้ว โดยร่างฉบับใหม่นี้ยังคงมีข้อความที่ยังไม่ได้ข้อสรุปมากกว่า 100 ตอน
แหล่งข่าวจากรัฐบาลสองแห่งเปิดเผยต่อสำนักข่าว AFP ว่าร่างสนธิสัญญาฉบับใหม่นี้ถือเป็น พื้นฐานที่ยอมรับได้สำหรับการเจรจา แม้ว่าองค์กรสิ่งแวดล้อมหลายแห่งจะวิจารณ์ว่ายังไม่เพียงพอต่อการปกป้องสุขภาพมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
สองกลุ่มใหญ่ยังคงเดินหน้าขนานกัน
กลุ่ม High Ambition Coalition ที่ประกอบด้วยสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร แคนาดา และประเทศในแอฟริกาและละตินอเมริกามากมาย ต้องการให้มีการลดการผลิตพลาสติกและยุติการใช้สารเคมีพิษในการผลิตพลาสติก
ขณะที่กลุ่ม Like-Minded Group ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมัน รวมทั้งซาอุดีอาระเบีย คูเวต รัสเซีย อิหร่าน และมาเลเซีย ต้องการให้สนธิสัญญามุ่งเน้นไปที่การจัดการขยะเป็นหลัก
ปัญหาพลาสติกขยายวงกว้างทั่วโลก
ปัญหามลภาวะพลาสติกแพร่กระจายอย่างกว้างขวางจนพบไมโครพลาสติกบนยอดเขาที่สูงที่สุด ในร่องลึกสมุทรที่ลึกที่สุด และกระจายไปทั่วเกือบทุกส่วนของร่างกายมนุษย์
ตามแนวโน้มปัจจุบัน องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) คาดการณ์ว่าการผลิตพลาสติกจากเชื้อเพลิงฟอสซิลรายปีจะเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าภายในปี 2060 ไปสู่ระดับ 1.2 พันล้านตัน ขณะที่ขยะจะเกิน 1 พันล้านตัน
เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในแพลตฟอร์ม X ว่า ‘เรารออะไรอยู่เพื่อที่จะลงมือทำ?’ โดยเรียกร้องให้ทุกประเทศในเจนีวาร่วมรับรองข้อตกลงที่ตอบสนองต่อระดับความฉุกเฉินด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพสาธารณะนี้อย่างแท้จริง
ปริมาณพลาสติก 15 ล้านตันที่ถูกทิ้งลงทะเลทุกนาที เมื่อไหร่มนุษยชาติจะหาจุดสมดุลระหว่างความต้องการพลาสติกในชีวิตประจำวันกับการปกป้องโลกใบนี้ได้สำเร็จ?