



รัฐบาลทรัมป์ประกาศว่า เมืองชิคาโกว่าเป็น “เขตสงคราม” เพื่อเป็นข้ออ้างในการส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ 300 นายเข้าพื้นที่เพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่จากส่วนกลาง ปฏิบัติการปราบปรามอาชญากรรม และคุ้มครองเจ้าหน้าที่และทรัพย์สินของรัฐบาลกลาง ขณะที่ผู้พิพากษาสั่งห้ามทำเนียบขาวส่งทหารไปยังเมืองอื่นที่พรรคเดโมแครตบริหาร
วิกฤตทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วประเทศทำให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องใช้การปราบปรามอาชญากรรมและการย้ายถิ่นฐาน งัดข้อกับพรรคเดโมแครตที่กล่าวหาว่าทรัมป์ใช้อำนาจแบบเผด็จการ
ประเด็นร้อนล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เมื่อทรัมป์อนุมัติการส่งกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ 300 นายไปยังชิคาโก ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐฯ แม้จะเผชิญกับการคัดค้านจากนายกเทศมนตรี และผู้ว่าการรัฐ เจ.บี. พริตซ์เกอร์
พริตซ์เกอร์เผยในรายการ State of the Union ของ CNN ว่า พรรครีพับลิกันตั้งใจจะ “สร้างความวุ่นวายในพื้นที่ พวกเขาต้องการสร้างเขตสงครามขึ้น เพื่อที่จะส่งกำลังทหารเข้ามาได้มากขึ้น”
ขณะที่ผลสำรวจของ CBS ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์พบว่า ชาวอเมริกันร้อยละ 58 ไม่เห็นด้วยกับการส่งกองกำลังพิทักษมาตุภูมิไปยังเมืองต่างๆ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของผู้นำสหรัฐฯ เกิดขึ้นหลังกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิออกแถลงการณ์ว่า เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางยิงผู้ขับขี่รถยนต์คนหนึ่ง หลังตกอยู่ในภาวะ “มีรถยนต์ 10 คัน ขนาบไว้” ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถขยับรถ จึงต้องลงจากรถ และพบว่าหนึ่งในผู้ขับขี่ซึ่งขับรถชนยานพาหนะของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายมี “อาวุธกึ่งอัตโนมัติ” เจ้าหน้าที่จึงต้องดำเนินการเพื่อป้องกันตัว






