คิม โย จอง น้องสาวของผู้นำเกาหลีเหนือออกมาโต้แย้งรายงานของกองทัพเกาหลีใต้ที่อ้างว่าเปียงยางเริ่มรื้อถอนหอกระจายเสียงที่ใช้ในสงครามโฆษณาชวนเชื่อตามแนวชายแดนระหว่างสองประเทศ พร้อมยืนยันว่าเกาหลีเหนือไม่มีความสนใจในการปรับปรุงความสัมพันธ์กับโซล
ประธานาธิบดีเกาหลีใต้พยายามเข้าหา
ประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง แห่งเกาหลีใต้ได้ให้คำมั่นจะเข้าหาเกาหลีเหนือและแสวงหาการเจรจาโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ นับตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงจากนโยบายเข้มงวดของผู้นำคนก่อน
กองทัพเกาหลีใต้รายงานในเดือนเดียวกันว่าทั้งสองประเทศได้หยุดการกระจายเสียงโฆษณาชวนเชื่อตามแนวเขตปลอดทหาร และเพิ่งรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าตรวจพบทหารเกาหลีเหนือกำลังรื้อถอนหอกระจายเสียงตามแนวชายแดน
คิม โย จอง ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
‘เราไม่เคยรื้อถอนหอกระจายเสียงที่ติดตั้งในพื้นที่ชายแดน และไม่มีความเต็มใจที่จะรื้อถอนออก’ คิม โย จอง กล่าวในแถลงการณ์ภาษาอังกฤษผ่านสำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ
เธอกล่าวหาเกาหลีใต้ว่าพยายามบิดเบือนความเห็นสาธารณะโดยอ้างว่ามาตรการสร้างความปรองดอง และ นโยบายผ่อนปรน ได้รับการตอบสนอง รวมถึงสร้างความคิดเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีกำลังฟื้นฟู
ท่าทีแข็งกร้าวต่อเนื่อง
‘เราได้ชี้แจงในหลายโอกาสว่าเราไม่มีเจตนาปรับปรุงความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ และจุดยืนและมุมมองที่เด็ดขาดนี้จะถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญของเราในอนาคต’ คิม โย จอง เสริม
คำแถลงนี้เผยแพร่ขณะที่เกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกาเตรียมจัดการซ้อมรบร่วมประจำปีเพื่อรับมือกับเกาหลีเหนือระหว่างวันที่ 18-28 สิงหาคม
ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
นักวิชาการชี้ว่าคำแถลงของคิม โย จอง เท่ากับการทำลายโอกาสใดๆ ในการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีหรือระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ ลิม อึล ชุล ศาสตราจารย์จากสถาบันการศึกษาตะวันออกไกลที่มหาวิทยาลัยคยองนัม เรียกข้อความนี้ว่า‘ใบมรณบัตร’
เกาหลีใต้ยังคงรักษาท่าทีทางการทูต โดยกล่าวว่าจะเดินหน้าแสวงหามาตรการปกติและเสถียรภาพ กับเกาหลีเหนือต่อไป เจ้าหน้าที่กระทรวงรวมชาติกล่าวว่าความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีติดอยู่ในสถานการณ์เผชิญหน้าแบบแข็งกร้าวมา 3 ปี
การใช้หอกระจายเสียงซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่มีมาตั้งแต่สงครามเกาหลี เคยทำให้เปียงยางขู่โจมตีหน่วยลำโพงของโซลด้วยปืนใหญ่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเครื่องมือการสื่อสารนี้ยังคงมีพลังในการกระตุ้นความตึงเครียดระหว่างสองประเทศที่ยังคงอยู่ในสถานะสงครามอย่างเป็นทางการ