นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย ประกาศเจตนารมณ์มุ่งสู่ความเป็นอิสระในด้านพลังงานและการพัฒนาระบบป้องกันประเทศที่แข็งแกร่ง พร้อมสาบานว่าจะปกป้องผลประโยชน์ของชาติเหมือนกำแพงเหล็ก ในท่ามกลางแรงกดดันจากสหรัฐอมเริกาที่ขู่จะขึ้นภาษีนำเข้า
โมดีกล่าวสุนทรพจน์ในโอกาสวันประกาศอิสรภาพประจำปี ในกรุงนิวเดลี ขณะที่อินเดียกำลังเผชิญแรงกดดันรุนแรงและการขู่เพิ่มภาษีจากสหรัฐอมเริกา ‘การพึ่งพาตนเองคือรากฐานของอินเดียที่พัฒนาแล้ว เสรีภาพจะไร้ความหมายหากใครต้องพึ่งพาผู้อื่นมากเกินไป’ โมดีกล่าว
สหรัฐฯ ขู่ขึ้นภาษีเพราะการซื้อน้ำมันรัสเซีย
ความสัมพันธ์ระหว่างนิวเดลีและวอชิงตันตึงเครียดหลังที่ทรัมป์ออกคำสั่งผ่าตัดให้อินเดียหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของมอสโกในการดำเนินการทางทหารในยูเครน สหรัฐฯ แจ้งว่าจะเพิ่มภาษีนำเข้าจากอินเดียจาก 25% เป็น 50% ภายในวันที่ 27 สิงหาคม หากนิวเดลีไม่เปลี่ยนผู้จำหน่ายน้ำมันดิบ
‘เรารู้ว่าเรายังคงต้องพึ่งพาหลายประเทศเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงาน แต่เพื่อสร้างอินเดียที่พึ่งพาตนเองอย่างแท้จริง เราต้องบรรลุความเป็นอิสระทางพลังงาน’ โมดีกล่าวต่อผู้ฟังหลายพันคนในฐานะผู้นำประเทศที่มีประชากรมากที่สุดและเศรษฐกิจใหญ่อันดับห้าของโลก
เป้าหมายผลิตชิปและสถานีอวกาศ
โมดีเรียกร้องให้นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรมุ่งเน้นการสร้างภาคส่วนและเทคโนโลยีหลัก รวมถึงเครื่องยนต์เครื่องบินขับไล่ ชิปเซมิคอนดักเตอร์ และระบบฮาร์ดแวร์ทางทหาร ‘เราจะมีชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่ผลิตในอินเดียออกสู่ตลาดภายในสิ้นปีนี้’ โมดีประกาศ
นายกรัฐมนตรีเพิ่มเติมว่าประเทศกำลังทำงานเพื่อสร้างสถานีอวกาศและจะมีโล่ป้องกัน ภายในทศวรรษหน้า โดยไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ความตึงเครียดกับปากีสถาน
โมดียังให้เกียรติกองทัพอินเดียที่เข้าร่วมความขัดแย้งสี่วันกับปากีสถาน คู่อริตัวฉกาจ ซึ่งจบลงด้วยการหยุดยิงเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม อินเดียจะตอบโต้อย่างสาสมต่อการโจมตีครั้งใดๆ ของศัตรู โมดีกล่าว และอ้างถึงการที่นิวเดลีสั่งพักใช้สนธิสัญญาแบ่งปันน้ำข้ามแดนกับปากีสถาน อินเดียตัดสินใจว่าเลือดและน้ำจะไม่ไหลร่วมกัน โมดีเสริม
แม้โมดีจะไม่พูดถึงทรัมป์โดยตรง แต่กล่าวว่าจะยืนหยัดเหมือนกำแพง ต่อต้านนโยบายใดๆ ที่เป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของเกษตรกร เพราะภาคเกษตรจ้างงานคนจำนวนมหาศาลในอินเดียและเป็นจุดขัดแย้งสำคัญในการเจรจาการค้า
อินเดียจะสามารถบรรลุเป้าหมายการพึ่งพาตนเองได้มากน้อยเพียงใด ในขณะที่ต้องเดินบนเส้นทางแคบๆ ระหว่างแรงกดดันจากมหาอำนาจโลกและความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นของตนเอง?
