Meta จะใช้สิ่งที่ผู้คนบอกผ่านแชทบอทปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของบริษัทในเร็วๆ นี้ เพื่อช่วยให้การบริการตรงใจผู้ใช้มากยิ่งขึ้น “แชทบอทและการโต้ตอบระหว่างผู้ใช้กับ Meta AI จะถูกนำมาใช้เพื่อกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ด้วยโฆษณาที่ปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคลมากยิ่งขึ้น ผู้ใช้จะเริ่มเห็นประกาศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ในสัปดาห์หน้า แต่จะเริ่มใช้ในวันที่ 16 ธันวาคม” บริษัทกล่าวเมื่อวันพุธ (1 ต.ค.)
Meta กำหนดเป้าหมายผู้ใช้ด้วยโฆษณาตามสิ่งที่พวกเขาโพสต์และคลิก รวมถึงคนที่พวกเขาเชื่อมต่อด้วยบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ข้อมูลดังกล่าวช่วยให้ Meta สามารถคาดการณ์ได้ว่าผู้ใช้สนใจจะซื้ออะไร แต่ในการสนทนากับแชทบอทของ Meta ผู้ใช้สามารถบอกบริษัทได้โดยตรงเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังซื้อ หรือทริปที่กำลังวางแผน หรือปัญหาอื่นๆ ที่ Meta AI อาจช่วยแก้ปัญหาได้
ทั้งนี้ บริษัทจะใช้ข้อมูลจาก Meta AI เพื่อช่วยตัดสินใจว่าผู้ใช้จะเห็นเนื้อหาประเภทใดบนเว็บไซต์ อย่างไรก็ดี หากผู้ใช้พูดคุยกับแชทบอทเกี่ยวกับการเดินป่า ระบบจะรู้ว่าผู้ใช้สนใจกีฬาชนิดนี้และจะนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการเดินป่าเพิ่มเติม แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ยังเพิ่มแรงกดดันให้ Meta ในการป้องกันไม่ให้การสนทนาเรื่องส่วนตัวกับ AI เช่น การสนทนาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ เนื่องจากปัจจุบันมีผู้คนจำนวนมากใช้แชทบอทเสมือนว่าเป็นนักบำบัด
“เช่นเดียวกับบริการเฉพาะบุคคลอื่นๆ เราปรับแต่งโฆษณาและเนื้อหาที่คุณเห็นตามกิจกรรมของคุณ เพื่อให้มั่นใจว่าประสบการณ์ของคุณจะพัฒนาไปตามความสนใจที่เปลี่ยนไป หลายคนคาดหวังว่าการโต้ตอบของพวกเขาจะทำให้สิ่งที่พวกเขาเห็นมีความเกี่ยวข้องมากขึ้น ในไม่ช้า การโต้ตอบกับ AI จะเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่เราใช้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของผู้คน”
— Meta กล่าวในบล็อกโพสต์เมื่อวันพุธ (30 ก.ย.)
Meta AI มีผู้ใช้งานรายเดือน 1 พันล้านคน แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่าผู้ใช้เหล่านั้นมีส่วนร่วมกับมันบ่อยแค่ไหน ผู้ใช้สามารถพูดคุยกับแชทบอทได้ผ่าน Facebook, Instagram, WhatsApp หรือแอปฯ Meta AI แบบแยกต่างหาก
บริษัทกำลังโกยรายได้มหาศาลจากธุรกิจโฆษณา เฉพาะไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการโฆษณา 4.65 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.5 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นมากกว่า 21% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน หุ้นของ Meta (META) เพิ่มขึ้นเกือบ 20% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทอยู่ที่ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 58 ล้านล้านบาท) ณ วันที่ 1 ตุลาคม
ชาวซิลิคอนแวลลีย์บางส่วนเชื่อว่าผู้คนจะหันมานิยมซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านแชทบอท AI มากขึ้น แทนที่จะค้นหาบน Google หรือเลื่อนดูโซเชียลมีเดียบน OpenAI ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Meta ที่ได้เปิดตัวฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าบางรายการได้โดยตรงผ่านแชทบอท ChatGPT ของตัวเองเมื่อวันจันทร์ (29 ก.ย.) ที่ผ่านมา แม้ว่าปัจจุบันจะไม่ได้ให้บริการโฆษณาก็ตาม
ผู้ใช้ Meta ยังคงมีตัวเลือกในการใช้เครื่องมือ ‘ความชอบโฆษณา’ เพื่อเพิ่ม หรือลบหัวข้อโฆษณาที่ตรงเป้าหมายได้ และบริษัทยังมีฟีเจอร์ที่คล้ายกันให้ผู้ใช้ควบคุมเนื้อหาบนฟีด Facebook และ Instagram ของตัวเอง
Meta ยังกล่าวอีกว่าจะไม่แสดงโฆษณาเฉพาะบุคคลโดยอิงจากการสนทนากับแชตบอทในหัวข้อเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนา รสนิยมทางเพศ ความคิดเห็นทางการเมือง สุขภาพ เชื้อชาติหรือชาติพันธุ์ ความเชื่อทางปรัชญา หรือการเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายที่บริษัทกำหนดไว้ว่าจะไม่กำหนดเป้าหมายผู้ใช้ตามหมวดหมู่เหล่านั้น (เพื่อความชัดเจน Meta ยังคงอนุญาตให้โฆษณาที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อเหล่านี้ เพียงแต่ไม่ได้กำหนดเป้าหมายผู้ใช้ตามความสนใจของพวกเขา)
หลังจากที่บริษัทเปิดตัวแอปฯ Meta AI มีรายงานว่าผู้ใช้รู้สึกอับอายที่แชร์แชทส่วนตัวที่พวกเขาคิดว่าเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์ หรือการเงินสู่สาธารณะโดยไม่ตั้งใจ ต่อมา Meta ได้เพิ่มป๊อปอัปที่แจ้งเตือนผู้ใช้ก่อนที่จะโพสต์บทสนทนา AI บนฟีดที่ชื่อว่า ‘Discover’
แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฟีดดังกล่าวถูกแทนที่ด้วย ‘Vibes’ ซึ่งเป็นฟีดวิดีโอที่ผู้ใช้สร้างขึ้นโดย AI ที่สามารถเลื่อนดูได้ไม่รู้จบ
Photo by : Shutterstock / El editorial
