มาเลเซียกำลังเข้าใกล้การใช้ ‘พลังงานนิวเคลียร์’ มากขึ้น

31 ก.ค. 2568 - 10:03

  • มาเลเซียกำลังเข้าใกล้การนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ในแผนยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผ่านพลังงานระยะยาว โดยได้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นแล้ว

  • ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าพลังงานนิวเคลียร์มีศักยภาพสูงที่จะเป็นแหล่งพลังงานที่มีเสถียรภาพ สะอาด และเชื่อถือได้ สำหรับมาเลเซียในอนาคต

  • และในขณะนี้ มาเลเซียกำลังดำเนินการแก้ไขพระราชบัญญัติพลังงานปรมาณู เพื่อให้สอดคล้องกับสนธิสัญญาและอนุสัญญาระหว่างประเทศที่สำคัญภายใต้สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA)

มาเลเซียกำลังเข้าใกล้การใช้ ‘พลังงานนิวเคลียร์’ มากขึ้น

มาเลเซียกำลังเข้าใกล้การนำ ‘พลังงานนิวเคลียร์’ มาใช้ในแผนยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผ่านพลังงานระยะยาว โดยได้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นแล้ว ซึ่งผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าพลังงานนิวเคลียร์มีศักยภาพสูงที่จะเป็นแหล่งพลังงานที่มีเสถียรภาพ สะอาด และเชื่อถือได้ สำหรับมาเลเซียในอนาคต 

ชาง ลี่ คัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม กล่าวว่า “รัฐบาลได้เสนอจัดตั้งคณะทำงานด้านเทคนิค 6 ชุดเพื่อสนับสนุนความพร้อมทางด้านพลังงานนิวเคลียร์ โดยแบ่งเป็น 3 ชุดที่อยู่ภายใต้กรมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (MOSTI) มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม การพัฒนาสมรรถนะด้านนิวเคลียร์ และการสร้างกรอบกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง” 

“ส่วนอีก 3 ชุดที่เหลืออยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการเปลี่ยนผ่านพลังงานและการปฏิรูปน้ำ เพื่อรองรับด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานนิวเคลียร์โดยรวม” ชาง กล่าวเสริม 

ปัจจุบัน มาเลเซียมีนักวิจัยนิวเคลียร์ 323 คนอยู่ภายใต้สำนักงานนิวเคลียร์มาเลเซีย และเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ 36 คนอยู่ภายใต้กรมพลังงานปรมาณู โดยในจำนวนนี้มี 61 คนที่ถือวุฒิการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมนิวเคลียร์   

มาเลเซียกำลังดำเนินการแก้ไขพระราชบัญญัติพลังงานปรมาณู เพื่อให้สอดคล้องกับสนธิสัญญาและอนุสัญญาระหว่างประเทศที่สำคัญภายใต้สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA)...เมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้ว รัฐบาลมีแผนจะเสนอกฎหมายฉบับแก้ไขนี้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในสมัยประชุมปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนถึงความจริงจังและความมุ่งมั่นของมาเลเซียในการสำรวจและพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งในการผลิตพลังงานของเรา” ชาง กล่าว 

นอกจากนี้ ชางยังยืนยันว่ามาเลเซียได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางนิวเคลียร์เชิงยุทธศาสตร์ด้านพลเรือนกับสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ซึ่งเป็นการเสริมความร่วมมือที่มีอยู่กับจีนและรัสเซีย 

“ข้อตกลงนี้จะเป็นตัวเร่งให้เกิดความร่วมมือระยะยาวในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การวิจัยร่วม การฝึกอบรมทางเทคนิค และการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมในท้องถิ่น นอกจากนี้ มาเลเซียยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับ IAEA ผ่านโครงการความร่วมมือทางเทคนิค ความร่วมมือระดับภูมิภาค เวทีความร่วมมือนิวเคลียร์แห่งเอเชีย และโครงการวิจัยที่ประสานงานกัน” ชาง กล่าว 

นอกเหนือจากการผลิตพลังงานแล้ว เทคโนโลยีนิวเคลียร์ยังถูกนำมาใช้ในการวิจัยสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ซึ่งรวมถึงเทคนิคไอโซโทปสำหรับการติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดการดินถล่ม ภาวะเป็นกรดของมหาสมุทร และอายุขัยของน้ำใต้ดิน 

อย่างไรก็ดี ชางยอมรับว่ามาเลเซียยังคงต้องให้สัตยาบันสนธิสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับก่อนที่จะพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ และบอกอีกว่า “โครงการสกัดในระดับห้องปฏิบัติการในท้องถิ่นนั้นแสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจในการวิจัย ‘ทอเรียม’ ซึ่งเป็นธาตุธรรมชาติที่สามารถนำมาใช้ผลิตพลังงานนิวเคลียร์ แม้ว่ามาเลเซียจะยังไม่ได้เริ่มการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับการผลิตพลังงานจากทอเรียมก็ตาม” 

“เรากำลังยกระดับศักยภาพการวิจัยของเราอย่างต่อเนื่องและทำงานร่วมกับประเทศต่างๆ เช่น จีน อินเดีย รัสเซีย และสหรัฐฯ ที่มีความเชี่ยวชาญขั้นสูงในพื้นที่นี้” ชาง กล่าว 

Photo by : Shutterstock / Abdul Razak Latif 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์